
มุมมอง

งาดำ ธัญพืชเม็ดเล็กๆ สีดำๆ ที่เรารู้จักกันดีนั้น นอกจากจะเอามาใส่ในขนม หรืออาหารเพื่อเพิ่มความอร่อยและสวยงามแล้ว คุณๆ รู้ไหมค่ะว่ายังมีประโยชน์ต่อร่างกายซ่อนอยู่อีกมากมาย
ทำเอาน้ำมันงาดำสกัดเย็นขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว เมื่ออาจารย์หมอ (รศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ออกมาประกาศความสำเร็จ หลังจากทำการวิจัยและทดลองมานานกว่า 5 ปี ก็สามารถยืนยันอย่างชัดเจนว่า สารเซซามีนในงาดำมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคข้อเสื่อม กระดูกพรุนได้ โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูโรคเกี่ยวกับสมอง อาทิ เส้นเลือดอุดตันในสมอง เส้นเลือดแตก อันเป็นสาเหตุของการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต

ว่าแต่…แล้วเราจะกินอย่างไรจึงจะช่วยป้องกันโรค ง่ายที่สุดคือ โรยข้าวกิน ควรจะเคี้ยวงาให้แตกก่อนกลืน เพราะสารเซซามีนในเมล็ดงาจะได้มีโอกาสได้ทำหน้าที่สร้างคุณประโยชน์แก่ร่างกายเรา หรือจะบดเป็นผงก่อนค่อยโรยข้าวก็สะดวกดี
โดยเฉพาะ “น้ำเต้าหู้งาดำ” เมนูนี้ภูมิใจนำเสนอ เพราะไม่เพียงป้องกันมะเร็ง ยังเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับวัยทอง ที่สำคัญงาดำมีแคลเซียมมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า และแร่ธาตุที่สำคัญอีกมากมาย รวมทั้งวิตามินอี วิตามินบี ช่วยบำรุงระบบประสาท ถ้าเป็นหนุ่มสาวให้กินวันละ 3-4 ช้อน ถ้าเริ่มเข้าวัยทองหรือเข้าไปแล้วก็กินได้สัก 6-9 ช้อน
ขอบคุณ ที่มา : matichon