1,113
มุมมอง
มุมมอง
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ คนย่อมอยากจะให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและดีที่สุด เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในอนาคต
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ คนย่อมอยากจะให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและดีที่สุด เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในอนาคต ซึ่งสารอาหารที่จำเป็นนั้นมีอยู่ด้วยกัน 9 ชนิด ดังนี้
- คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตเป็นพลังงานพื้นฐานให้กับทุกเซลล์ในร่างกายโดยเริ่มตั้งแต่ร่างกายจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลกลูโคส แล้วไหลเวียนไปตามกระแสเลือด สมองจะดึงกลูโคสจากเลือดมาใช้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นสมองจะไม่มีพลังงานสำหรับส่งผ่านสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาท
- โปรตีน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ใช้ในการสร้างเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (neurotransmitters) สำหรับส่งทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์ประสาท โดยโปรตีนจะย่อยสลายเป็นโมเลกุลกรดอะมิโน ซึ่งมีอิทธิพลต่อภาวะอารมณ์ ความตื่นตัวของสมอง
- กรดไขมัน กรดไขมันที่ช่วยพัฒนาสมองส่วนใหญ่คือกรดไขมันไม่อิ่มตัว มีอยู่ในอาหารจำพวกปลาทะเล และสาหร่ายบางชนิด เป็นแหล่งของ DHA ซึ่งเป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ในการพัฒนาสมองและประสาทตา ที่มีส่วนสำคัญในการเรียนรู้จากการมองเห็น
- กรดไลโนเลอิก ทำให้ฮอร์โมนบางชนิดที่ช่วยสร้างเส้นใยสมองให้มีการเติบโตที่ดีซึ่งมีอยู่ในอาหารจำพวกปลาทะเล ตับ และน้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด ฯลฯ
- วิตามิน มีบทบาทสำคัญในกระบวนการดูดซึมและให้พลังงานแก่สมอง ส่งผลกระทบต่อจิตใจ เช่น วิตามินเอ มีอยู่ในผักสีต่างๆ เช่น ฟักทอง รวมถึงผักบุ้ง ช่วยให้ประสาทตากับสมองทำงานเชื่อมโยงกัน
- ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงแม้ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างใยสมอง แต่เพราะสมองต้องการเลือด ซึ่งมีหน้าที่นำพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองอยู่ตลอดเวลา ธาตุเหล็กจึงมีส่วนสำคัญในการหล่อเลี้ยงสมองด้วย
- ไอโอดีน มีผลต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาทและความจำ ช่วยลดอัตราปัญหาการเกิดภาวะทางสมอง ไม่ให้การเรียนรู้ด้อยลง และสติปัญญาทึบ มีอยู่ใน อาหารทะเล มาก
- สังกะสี ช่วยเสริมสร้างระบบประสาทส่วนกลางไม่ให้มีพัฒนาการทางกายและสติปัญญาช้า ซึ่งมีอยู่ในอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ และพืชผักต่างๆ
- ทอรีน เป็นกรดอะมิโนอิสระที่จำเป็นต่อร่างกายของลูกน้อย โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าและจอประสาทตา มีบทบาทสำคัญต่อการเรียนรู้จากสติปัญญา และการมองเห็น และยังช่วยดูดซึมกรดไขมันที่จำเป็นต่อสติปัญญาด้วย
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต