มุมมอง
สมุนไพร แคหางค่าง
สมุนไพร แคหางค่าง ชื่อวิทยาศาสตร์ Fernandoa adenophylla (Wall.ex G.Don) Steenis หรือ Fernandoa adenophylla Steenis จัดอยู่ในวงศ์ BIGNONIACEAE เช่นเดียวกับแคทะเล แคนา แคแสด แคหัวหมู น้ำเต้าต้น ปีบ เพกา รุ่งอรุณ และไส้กรอกแอฟริกา เป็นต้น
สมุนไพรแคหางค่าง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แคบิด แคร้าว แคลาว (เลย), แฮงป่า (จันทบุรี), แคพอง (สุราษฎ์ธานี), แคหัวหมู (นครราชสีมา), แคขน (ภาคเหนือ), แคหางค่าง (ภาคกลาง), ปั้งอะ (ม้ง) เป็นต้น
ลักษณะของแคหางค่าง
ต้นแคหางค่าง จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบในช่วงสั้น มีลำต้นสูงประมาณ 5-20 เมตร ลำต้นมักคดงอ มีเรือนยอดไม่เป็นระเบียบ เอนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ ส่วนเปลือกต้นเป็นสีเทาค่อนข้างเรียบ ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีขาว ตามกิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาล และมีช่องระบายอากาศอยู่ทั่วไป โดยจะพบได้มากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าหญ้า ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-800 เมตร ส่วนในต่างประเทศจะพบได้ที่อัสสัม บังคลาเทศ พม่า อันดามัน คาบสมุทรอินโด-จีน และมาเลย์-เพนนินซูลาร์
ใบแคหางค่าง ใบออกเป็นช่อ ช่อจะออกตรงข้ามกันหรือออกเยื้องกันเล็กน้อย ช่อใบมีความประมาณ 20-50 เซนติเมตร ในแต่ละช่อจะประกอบไปด้วยใบย่อยที่มีลักษณะและขนาดแตกต่างกันออกไป เช่น เป็นรูปมน รูปรี รูปป้อม หรือเป็นรูปสีเหลี่ยมขนมเปียกปูนกลาย ๆ โดยจะมีใบย่อยประมาณ 1-4 คู่ ออกเรียงตรงข้ามกัน ที่ปลายสุดของช่อใบอาจเป็นใบเดี่ยวหรือคู่ก็ได้ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-20 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-30 เซนติเมตร ปลายใบมนและเป็นติ่งแหลมสั้น ๆ ส่วนโคนใบมนหรือยักเว้าเล็กน้อยและมักเบี้ยว แผ่นใบหนา หลังใบเกลี้ยง หรืออาจมีขนเล็กน้อย ส่วนท้องใบมีขนสาก ๆ อยู่ทั่วไป ส่วนเส้นแขนงของใบค่อนข้างเหยียดตรง มีประมาณ 6-10 คู่ เส้นใบย่อยเป็นแบบขั้นบันได มองเห็นได้ชัดทางท้องใบ ส่วนก้านใบย่อยจะสั้นมาก
ดอกแคหางค่าง ดอกมีขนาดใหญ่สีเหลืองอ่อน ดอกจะออกรวมกันเป็นช่อใหญ่บริเวณปลายกิ่ง โดยช่อดอกจะตั้งชี้ขึ้นและมีความยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร โคนกลีบรองกลีบดอกติดกันเป็นรูปถ้วย มีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5-4.5 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก มีขนาดไม่เท่ากัน ด้านนอกมีขนสีน้ำตาลแดงขึ้นหนาแน่น ส่วนกลีบฐานดอกจะติดเป็นจุกผล กลีบของดอกเป็นรูปแตรงอน มีขนสีน้ำตาลขึ้นอยู่หนาแน่นทางด้านนอก ส่วนด้านในเกลี้ยง หลอดกลีบดอกในช่วงล่างเป็นหลอดแคบ ยาวประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร ส่วนช่วงบนจะขยายใหญ่กว้างจนถึงปากหลอด กว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรตัวผู้อยู่ 2 คู่ แบ่งเป็นยาว 1 คู่และสั้น 1 คู่ และมีรังไข่เป็นรูปทรงกระบอกและบิดเบี้ยว มีขนคุลมอยู่หนาแน่น โดยดอกแคหางค่างจะออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกันยายน
ฝักแคหางค่าง ลักษณะของฝักเป็นรูปทรงกระบอกโต โค้งงอและบิดเป็นเกลียว มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 35-70 เซนติเมตร ฝักจะมีสันเป็นเส้นยาวตามฝัก 5 สัน และมีขนสีน้ำตาลแดงขึ้นอยู่ทั่วไป ฝักเมื่อแก่จะแตกตามรอยประสาน ในฝักมีเมล็ดลักษณะแบน กว้างประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร และมีเยื่อบาง ๆ ตามขอบคล้ายกับปีก
สรรพคุณของแคหางค่าง
- แคหางค่าง สรรพคุณของเมล็ด ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต
- ช่วยขับเสมหะ (เมล็ด)
- เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ใบใช้ตำพอกรักษาแผล รักษาแผลสด แผลถลอก แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก และช่วยห้ามเลือด (ใบ)
- ใบใช้ตำพอกแก้โรคผิวหนัง ผดผื่นคัน
ขอขอบคุณ ที่มา : หนังสือสมุนไพรพื้นบ้าน และ วิกิพีเดีย