มุมมอง
คุณแม่ๆ เคยสงสัยกันไหมคะว่าเวลาที่คุณแม่ชอบทานของหวานๆ นั้นจะทำให้น้ำนมเปลี่ยนรสชาติเป็นนมรสหวานซึ่งส่งผลให้ลูกติดหวาน หรือทำให้ลูกฟันผุได้หรือเปล่า
แม้กินหวาน...แต่รสชาตินมแม่ไม่เปลี่ยนนะ จากการศึกษาเรื่องนมแม่ของต่างประเทศว่า แม่ที่กินอาหารที่มีความหวานแตกต่างกัน จะมีปริมาณแลคโตสในน้ำนมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร พบว่ากลุ่มแม่ที่กินอาหารรสหวาน ปริมาณแลคโตสและความหวานในน้ำนมแม่ไม่ได้แตกต่างกับกลุ่มแม่ที่ไม่กินอาหารรสหวาน
ดังนั้น ไม่ว่าแม่จะชอบกินอาหารรสหวานแค่ไหน ก็ไม่ได้ส่งผลต่อปริมาณแลคโตส และรสชาติในน้ำนมแม่ ลูกยังคงได้ประโยชน์จากความหวานธรรมชาติของนมแม่เหมือนกันค่ะ
หวานนมแม่เกิดจาก ความหวานธรรมชาติจากนมแม่มาจากน้ำตาลที่เรียกว่า แลคโตส โดยร่างกายจะผลิตน้ำนมมาจากอาหารที่สะสมอยู่ ซึ่งประโยชน์จากความหวาน หรือแลคโตสในนมแม่จะให้พลังงานกับลูก ช่วยเรื่องการเจริญเติบโตที่ดี และยังช่วยในเรื่องระบบการย่อยที่ดีให้กับลูกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าแม่จะกินหวานแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้สารอาหารในนมแม่ลดน้อยลง กระบวนการผลิตนมแม่จะคัดสรรสารอาหารที่ดี มีประโยชน์ และเหมาะสมให้กับลูกเองโดยธรรมชาติเสมอ
แต่การที่แม่กินหวานมาก ๆ ผลเสียอาจจะมาตกอยู่ที่ตัวแม่เอง เพราะส่วนเกินที่ร่างกายเอาไปสร้างไม่หมด จะเกิดการสะสมกลายเป็นไขมัน ทำให้คุณแม่เป็นโรคอ้วน และนำไปสู่โรคเบาหวานตามมาได้
นมแม่มี 'กลิ่น' ช่วยลูกกินอาหารเสริมดี การกินอาหารที่มีรสชาติหวาน ๆ หรืออาหารบางชนิดที่มีกลิ่น ไม่ได้ทำให้รสชาตินมแม่เปลี่ยนไป แต่อาจเกิด 'กลิ่น'ในนมแม่ได้ค่ะ ถ้าแม่กินอาหารที่มีกลิ่นแรงชนิดใดชนิดหนึ่งบ่อย ๆ หรือซ้ำ ๆ เช่น กล้วยหอม เครื่องแกง ผักบางชนิดที่มีกลิ่นแรง กลิ่นต่าง ๆ เหล่านี้อาจเข้าไปสู่ในน้ำนมแม่ และจากงานวิจัยบอกว่า การที่นมแม่มีกลิ่น เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะลูกที่กินนมแม่ที่มีกลิ่นต่าง ๆ เขาจะเกิดความคุ้นเคยกับกลิ่น พอโตขึ้นถึงเวลากินอาหารเสริม เด็กกลุ่มนี้จะรับอาหารเสริมที่มีกลิ่นแปลก ๆ ได้ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม สามารถกินอาหารเสริมที่หลากหลาย ยอมรับการกินผักที่มีกลิ่นแปลก ๆ ได้ดีกว่า เพราะเขาเคยชินกับกลิ่นในน้ำนมแม่มาก่อน ถือเป็นผลดีค่ะ
คุณค่าสารอาหารในน้ำนมแม่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโต และสุขภาพของลูกน้อย แล้วจะไม่ให้ลูกกินนมแม่ได้อย่างไร จริงไหมคะ
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารรักลูก