เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์การดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอเป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ การใส่ใจในเรื่องการออกกำลังกายและอาหารการกินอย่างเดียวคงไม่พอค่ะ คุณแม่ต้องรู้จักสังเกตดูว่าครรภ์ของเราปกติดีอยู่หรือไม่ เพื่อว่าถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเราจะได้เข้ารับการรักษาได้ทันท่วงทียังไงล่ะคะ
1.มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ด่วนเลยค่ะ
2.เกิดการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก คือ รกเปลี่ยนเป็นเม็ดใสๆ คล้ายสาคู ทำให้มดลูกมีขนาดโตอย่างรวดเร็ว มักมีอาการแพ้ท้องมากกว่าปกติ มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย หรือออกครั้งละมากๆ และมีเม็ดสาคูออกมาด้วย คุณต้องรีบไปพบแพทย์ด่วนเลยค่ะเพราะอาจเป็นอันตรายได้
3.ครรภ์เกินกำหนด คือ ตั้งครรภ์เกิน 42 สัปดาห์ ผลเสียคือ ประสิทธิภาพการทำงานของรกลดลง ปริมาณน้ำคร่ำลดลง ทารกผอม ผิวหนังเหี่ยวย่น เล็บยาว กะโหลกศีรษะแข็งขึ้นทำให้คลอดยาก และทารกมีภาวะขาดออกซิเจนได้ง่าย
4.การตั้งครรภ์นอกมดลูก เกิดจากไข่ที่ได้รับการผสมแล้วฝังตัวและเจริญเติบโตภายนอกมดลูก อาการสำคัญที่ทำให้ต้องไปพบแพทย์คือ ปวดท้องน้อย อาจจะมีเลือดออกทางช่องท้องกะปริดกะปรอยถ้ามีเลือดออกในช่องท้องเนื่องจากการแท้งหรือหลอดมดลูกแตกจะมีอาการเป็นลม ซีด เหงื่อแตก ใจสั่น และหมดสติค่ะ
5.ภาวะพิษแห่งครรภ์ เช่น เกิดอาการบวม ความดันโลหิตสูง มีไข่ขาวในปัสสาวะ ซึ่งมักเกิดในระยะท้ายของการตั้งครรภ์
6.รกเกาะต่ำ คือ การที่รกบางส่วนหรือทั้งหมดเกาะที่ตอนล่างของมดลูกแทนที่จะเกาะที่ตอนบนของมดลูก อาการที่มีเลือดออกในช่องคลอดในระยะหลังของการตั้งครรภ์โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าเลือดออกมากแพทย์จะต้องเอาทารกในท้องและรกออกให้เร็วที่สุดเพื่อให้เลือดหยุดไหล
7.รกลอกตัวก่อนกำหนด สาเหตุที่รกลอกตัวก่อนกำหนดเกิดจากภาวะพิษแห่งครรภ์ หรืออาจถูกกระทบกระแทกบริเวณหน้าท้องอย่างรุนแรง อาการคือ มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้อง หน้าท้องแข็งตึง และกดเจ็บ มดลูกโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะมีเลือดขังอยู่ภายใน ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
8.ครรภ์แฝด คือ การตั้งครรภ์ที่มีทารกอยู่ในครรภ์ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งตัวแม่และทารกได้ เช่น โลหิตจาง ภาวะพิษแห่งครรภ์ คลอดก่อนกำหนด คลอดผิดปกติ ผู้ที่ตั้งครรภ์แฝดควรพักผ่อนให้มากในระยะ 2 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดค่ะ
9.ครรภ์แฝดน้ำ อาการคือ ท้องโตเร็วผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วค่ะ
หากคุณแม่พบอาการผิดปกติข้อใดข้อหนึ่งอย่าได้นิ่งนอนใจนะคะ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจครรภ์ให้แน่ใจดีกว่าค่ะ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและลูกน้อยในครรภ์
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
