ขอบชะนาง สรรพคุณและประโยชน์
ขอบชะนาง สรรพคุณและประโยชน์
ต้นขอบชะนาง มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ ขอบชะนางแดงและขอบชะนางขาว โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า และเลื้อยแผ่ไปตามดินแต่ยอดจะตั้งขึ้น ลำต้นมีขนาดใหญ่กว่าก้านไม้ขีดเพียงเล็กน้อย


ขอบชะนาง สรรพคุณและประโยชน์

ขอบชะนาง ชื่อวิทยาศาสตร์ Gonostegia pentandra (Roxb.) Miq. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pouzolzia pentandra (Roxb.) Benn.) จัดอยู่ในวงศ์กะลังตังช้าง (URTICACEAEหรือ CECROPIACEAE)

สมุนไพรขอบชะนาง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หญ้ามูกมาย (สระบุรี), ขอบชะนางขาว หนอนตายอยากขาว หนอนขาว ขอบชะนางแดง หนอนตายอยากแดง หนอนแดง (ภาคกลาง), หญ้าหนอนตาย (ภาคเหนือ), ตาสียาเก้อ ตอสีเพาะเกล (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เปลือกมืนดิน เป็นต้น

ลักษณะของขอบชะนาง

ต้นขอบชะนาง มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ ขอบชะนางแดงและขอบชะนางขาว โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า และเลื้อยแผ่ไปตามดินแต่ยอดจะตั้งขึ้น ลำต้นมีขนาดใหญ่กว่าก้านไม้ขีดเพียงเล็กน้อย โดยเป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นตามเรือกสวนริมร่อง และขึ้นตามพื้นที่ร่มเย็นที่มีอิฐปูนเก่า ๆ หรือตามที่ผุพัง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้ผล ลำต้นอยู่เหนือดิน ตั้งตรงเองได้ ลำต้นเรียบมีความสูงได้ประมาณ 2-3 ฟุต

ใบขอบชะนาง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน โดยใบของขอบชะนางแดงจะมีลักษณะเป็นรูปใบหอก ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ส่วนขอบชะนางขาวจะมีลักษณะของใบเป็นรูปค่อนข้างมนและกลมหรือเป็นรูปไข่ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เส้นใบของทั้งสองชนิดสามารถมองเห็นได้เด่นชัด เป็นเส้น 3 เส้น ใบจะมีขนาดใหญ่ประมาณ 2 กระเบียดนิ้ว ยาวประมาณ 1 นิ้วครึ่ง ถึง 1 นิ้วฟุต สีของใบและต้นของขอบชะนางจะเป็นสีม่วงอมสีแดง เฉพาะแผ่นใบนั้นสีจะเด่นชัด คือ หลังใบจะเป็นสีเขียวเข้มอมสีแดง และท้องใบจะเป็นสีแดงคล้ำ แต่ถ้าเป็นขอบชะนางขาวสีของใบจะเป็นสีเขียวอ่อน ๆ และทั้งสองชนิดจะมีขนเล็กน้อยอยู่ทั้งบนแผ่นใบและตามลำต้น

ดอกขอบชะนาง ออกดอกเป็นช่อกระจุกตามระหว่างซอกใบและตามกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก เป็นแบบแยกเพศ อยู่บนต้นเดียวกัน เป็นดอกเพศผู้กับดอกเพศเมีย โดยดอกของขอบชะนางแดงจะเป็นสีแดง ส่วนดอกของขอบชะนางขาวจะเป็นสีเขียวอมเหลืองหรือสีนวล

ผลขอบชะนาง ผลเป็นผลแห้งไม่แตกแบบ achene ผลเป็นสีน้ำตาลออกเป็นกระจุกตามซอกใบ มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เมื่อแห้งแล้วจะร่วงหล่นลงบนดินหรือปลิวไปตามลม ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 1-2 เมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมรีสีน้ำตาลและมีขนาดเล็ก

ภาพจาก : treeofthai.com

สรรพคุณและประโยชน์ของขอบชะนาง

  1. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ใช้ผลแห้ง โดยใช้สูตรเดียวกับการรักษาอาการปวดท้อง)
  2. ช่วยแก้อาการอาเจียนเป็นฟอง (ใช้ผลแห้ง โดยใช้สูตรเดียวกับการรักษาอาการปวดท้อง)
  3. ยอดอ่อนที่แตกใหม่ นำมากลั่นด้วยไอน้ำ ใช้รักษาอาการปวดหูได้ (ยอดอ่อน)
  4. ผลแห้งนำมาบดเป็นผง แล้วใช้ทายาง ๆ บริเวณจมูกหรือนำมาใช้อุดฟัน จะช่วยแก้อาการปวดฟันได้ (ผล)
  5. เปลือกต้นนำมาต้มผสมกับเกลือเค็ม ใช้อมรักษาโรครำมะนาด (โรคที่มีการอักเสบของอวัยวะรอบ ๆ ฟัน หรือโรคเหงือกอักเสบ) (เปลือกต้น)
  6. เหง้าอ่อนใช้ปรุงเป็นอาหาร ใช้รับประทานช่วยบรรเทาอาการปวดมวนท้องได้ดี และยังช่วยขับลมในลำไส้ได้อีกด้วย (เหง้าอ่อน)
  7. ใช้เป็นยาระบาย ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ 1 แก้ว แล้วผสมกับมะขามเปียกและเกลือใช้รับประทานได้ (เหง้าสด)
  8. ช่วยรักษาอาการปวดท้อง ด้วยการใช้ผลของชะนางแห้งที่เอาเปลือกออก และพริกหาง ใส่เปลือกอบเชย แปะชุก ตังกุย แล้วนำมาคั่วและบดให้เป็นหยาบ ๆ โสม แล้วตัดส่วนหัวออก ให้ใช้อย่างละ 15 กรัม หู่จี้ แล้วคั่วให้แตกบดแบบพอหยาบ ๆ เปลือกส้ม 1 กรัม นำมาแช่กับน้ำและเอาใยสีขาวออก ชวงเจีย คั่วพอให้หอม 1 กรัม แล้วนำทั้งหมดมาบดรวมกันผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นยาเม็ดขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ใช้รับประทานร่วมกับน้ำขิงครั้งละ 30 เม็ดเมื่อเริ่มมีอาการ (ผลแห้ง)
  9. ทั้งต้นนำมาปิ้งกับไฟแล้วชงกับน้ำเดือด ใช้เป็นยาขับพยาธิในเด็ก (ทั้งต้น) ส่วนใบก็ใช้เป็นยาขับพยาธิได้เช่นกัน (ใบ)
  10. ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ (ทั้งต้น)
  11. ใช้เป็นยารักษาโรคหนองใน (ต้นของขอบชะนางทั้งสอง)
  12. เปลือกต้นนำมาหุงกับน้ำมันใช้ทาริดสีดวง (เปลือกต้น)
  13. ขอบชะนางทั้ง 2 ชนิดนำมาปรุงเป็นยาขับโลหิตประจำเดือนของสตรี ตำรายาไทยใช้ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาขับประจำเดือนของสตรี (ทั้งต้น)
  14. ใช้เป็นยาขับระดูขาวของสตรี (ต้นของขอบชะนางทั้งสอง)
  15. ช่วยขับน้ำคาวปลาหลังการคลอดบุตรของสตรี ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ 1 แก้วแล้วผสมกับมะขามเปียกและเกลือใช้รับประทานได้ (เหง้าสด)

ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , thaihealth (สสส.) , หมอชาวบ้าน
ภาพจาก : rsusite



ปฏิกิริยาของคุณ?