มุมมอง
ก่อน Horizon Forbidden West จะวางจำหน่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ สื่อหลายเจ้าที่ได้ตัวเกมไปรีวิวก่อนก็เริ่มปล่อยคะแนนรีวิวกันออกมาแล้ว โดยคะแนนเฉลี่ยเวอร์ชั่น PS5 บน Metacritic จากสื่อ 100 เจ้า อยู่ที่ 89 คะแนน และดูจากรีวิวแล้ว ผู้โชคดีที่กด PS5 ทัน น่าจะมีเกมดีๆ ให้เล่นได้ยาวๆ อีกเกม
IGN ให้คะแนนเกมนี้ 9 คะแนน ชมว่าเกมนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัวของระบบต่อสู้ที่เร้าใจ การดีไซน์ตัวละครและสิ่งมีชีวิตที่สุดยอด และโลกโอเพ่นเวิลด์ที่น่าตื่นตา เหมาะสมจะเป็นเกมที่โชว์พลังของ PS5 ได้อย่างแท้จริง
ArsTechnica พาดหัวรีวิวว่าเป็นเกมภาคต่อที่ดีที่สุด ชมว่าเกมมีรายละเอียดเยอะมาก แคมเปญใช้เวลาเล่นให้จบประมาณ 25 ชั่วโมง แต่เควสต์ย่อยก็มีรายละเอียดเยอะและสำคัญต่อการเล่น จนอาจนับได้ว่าเกมเล่นได้ถึง 40 ชั่วโมง กราฟฟิกเกมงดงาม โมชั่นแคปเจอร์ การพากย์เสียง ใบหน้าตัวละคร สมเป็นเกมเน็กซ์เจ็น และให้เกรดเกมนี้เป็นเกมที่ต้องซื้อ
ฝั่ง Gamespot ให้คะแนนเกมนี้ 8 คะแนน ชมเรื่องเควสต์ต่างๆ ว่าเต็มไปด้วยตัวละครที่น่าสนใจ กิจกรรมที่ให้ทำในโลกหลากหลายและถูกออกแบบมาอย่างดี แต่ก็ติเล็กน้อยว่ามีรายละเอียดที่ผู้เล่นต้องคอยดูเยอะไปหมด และการลอบฆ่าเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นมากกว่าการต่อสู้โดยตรง และตัวละครของผู้เล่นเองอย่าง Aloy ไม่น่าสนใจเท่าตัวละครอื่น
ด้านประสิทธิภาพ IGN และ Digital Foundry ทำรีวิวเทียบบน PS5, PS4 และ PS4 Pro เป็นไปตามคาดคือ PS4 และ PS4 Pro คุณภาพภาพด้อยกว่า รายละเอียดโลกเกมเช่นพืชพันธุ์เล็กๆ และเอฟเฟกต์ต่างๆ ถูกลดลงมาก
แม้ความละเอียดจะอยู่ที่ 1920x1080 พิกเซล และรันที่ 30 เฟรมต่อวินาที แต่เพราะเอฟเฟกต์และรายละเอียดที่เพิ่มมากขึ้นในภาคนี้ ทำให้เกมต้องใช้เทคนิคเรนเดอร์อัพสเกลแบบ checkerboard เพื่อแสดงผลจากการเรนเดอร์ในระดับ 900p-960p และเทคนิคลบรอยหยักแบบ Temporal Anti-Aliasing (TAA) ก็อาจทำให้ขอบใบไม้และพืชต่างๆ ในฉากมีอาการกะพริบบ้าง
ภาพจาก Digital Foundry
ส่วนบน PS4 Pro เกมรันที่ความละเอียด 3200x1800 พิกเซล ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีเช่นกัน เทียบกับ 3840x2160 ในภาค Zero Dawn แม้ใช้การเรนเดอร์แบบ checkerboard แต่ภาพที่ได้ก็มีความละเอียดสูงกว่า และเอฟเฟกต์ต่างๆ ก็เสถียรกว่าการเล่นบน PS4 รุ่นธรรมดา อย่างไรก็ตามร่วงเฟรมตกคงหายห่วง เพราะ Digital Foundry ระบุว่าตัวเกมภาคนี้บน PS4 และ PS4 Pro คงเฟรมเรตไว้ที่ 30 เฟรมต่อวินาทีได้ดีกว่าภาคก่อนเสียอีก
ภาพจาก Digital Foundry
บน PS5 ตัวเกมใส่เอฟเฟกต์ภาพและรายละเอียดแบบจัดเต็มกว่าบน PS4, PS4 Pro โดยมีให้เลือกสองโหมดคือโหมด 4K 30fps สำหรับผู้ที่ต้องการเสพย์ความละเอียด เอฟเฟกต์ต้นไม้ใบหญ้าและแสงเงาเต็มที่ แต่ถ้าเป็นเกมเมอร์ที่ชอบความลื่นไหล ตอบสนองทันใจเวลาเล่นเกมแอ็กชั่น ตัวเกมก็มีโหมด Performance ที่จะรันเกมให้ได้ที่ 60 เฟรมต่อวินาที แต่ลดความละเอียดเป็น 3200x1800 แบบไดนามิกแทน
ที่มา - Metacritic, IGN, ArsTechnica, Gamespot, Digital Foundry