เอาชนะจุดสะดุดของการลดน้ำหนัก
เอาชนะจุดสะดุดของการลดน้ำหนัก
ถ้าหากว่าคุณกำลังลดน้ำหนักอยู่แต่แล้วจู่ๆ วันนึงคุณลดยังไงน้ำหนักก็ไม่ลดลง ทั้งๆ ที่คุณก็ยังทำตามขั้นตอนทุกอย่างเหมือนเดิม


ภาพจาก : sanook.com

ถ้าหากว่าคุณกำลังลดน้ำหนักอยู่แต่แล้วจู่ๆ วันนึงคุณลดยังไงน้ำหนักก็ไม่ลดลง ทั้งๆ ที่คุณก็ยังทำตามขั้นตอนทุกอย่างเหมือนเดิม นั่นแสดงว่าคุณกำลังวิงชนกำแพงของการลดน้ำหนักเข้าให้แล้วคะ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ เลยคะ เพราะฉะนั้นเรามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เราทำอยู่ทุกวันกันเถอะเพื่อร่างกายจะได้กระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง

การออกกำลัง

1. ความหลากหลาย เปลี่ยนมาใช้เครื่องออกกำลังที่ไม่เคยใช้มาก่อน หรืออาจลองใช้เครื่องหลายอย่าง เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจจะเพิ่มขึ้น เพราะคุณได้ใช้กล้ามเนื้อที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อน หรือลองเข้าคลาสแอโรบิก หรือออกไปเดินเล่นในวันหยุด ประเด็นก็คือ ควรทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

2. ความหนัก การค้นพบล่าสุดชี้ว่า การออกกำลังคาร์ดิโอแบบหนัก ๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ จะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า ดังนั้น ลองออกกำลังแบบอินเทอร์วัลแบบไหนก็ได้สัปดาห์ละสองครั้ง หรือสลับการออกกำลังแบบยาว ๆ กับสั้น แต่หนักตลอดสัปดาห์ก็ได้ผลดีเช่นกัน

3. การฝึกความแข็งแรง การเพิ่มกล้ามเนื้อจะช่วยคุณเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้น เพราะกล้ามเนื้อเผาผลาญได้ 50 แคลอรี่ต่อน้ำหนักหนึ่งปอนด์ ขณะที่ไขมันหนึ่งปอนด์เผาผลาญแค่ 2 แคลอรี่ แต่ถ้าคุณยกน้ำหนักอยู่แล้วก็ลองปรับเปลี่ยนกิจวัตรของคุณดู เช่น เปลี่ยนลำดับของท่าทางต่าง ๆ ลองท่าใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ เพิ่มจำนวนเซต เพิ่มท่าใหม่ ๆ เข้าไป และเพิ่มน้ำหนักขึ้น

ภาพจาก : thairath.co.th

การกิน

1. ปรับปริมาณแคลอรี่ คนที่กำลังสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันในร่างกาย บางทีก็ต้องการเพิ่มแคลอรี่ (โดยเฉพาะจากโปรตีน) ซึ่งถ้าคุณไม่กินให้พอ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะอดอยาก และเก็บกักไขมันเอาไว้ ยิ่งคุณลดแคลอรี่เท่าไร ก็จะยิ่งยากที่จะลดน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น ให้แน่ใจว่าคุณกินให้มากพอ แต่ไม่มากเกินไป

2. เลือกชนิดของคาร์โบไฮเดรต ตัดลดอาหารที่ผ่านกระบวนการ ทั้งน้ำผลไม้ และแม้แต่อาหารนมไขมันต่ำ (ที่มีคาร์โบไฮเดรตจำนวนมาก) จะสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล และลองเพิ่มคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่าง ๆ ถ้าคุณต้องการอาหารแป้ง ให้กินแค่สองส่วนต่อวัน และเลือกอาหารแป้งที่ดี เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง และกินในช่วงแรกของวันที่คุณอาจมีโอกาสจะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่า

3. ดื่มน้ำวันละแกลลอน น้ำทำหน้าที่เป็นตัวกดความอยากอาหารตามธรรมชาติ ด้วยการทำให้กระเพาะเต็ม และป้องกันอาการขาดน้ำที่อาจทำให้เข้าใจผิดว่าหิวหรืออยากกิน ที่สำคัญที่สุดก็คือ น้ำช่วยร่างกายในการเผาผลาญไขมันที่เก็บกักอยู่ด้วยการช่วยไตขับของเสียออกมา เมื่อคุณดื่มน้ำไม่พอ ตับก็จะมาทำหน้าที่ช่วยไตในการกำจัดของเสีย และมีประสิทธิภาพน้อยลงในการเผาผลาญไขมัน ถ้าคุณดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้ไตทำหน้าที่ของมันได้ดี

4. ลดการกินตอนกลางคืน การลดน้ำหนักขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง รวมทั้งการกินของคุณว่ามากแค่ไหน บ่อยแค่ไหน และเมื่อไร การกินแคลอรี่ส่วนใหญ่ในตอนกลางคืน จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ เพราะระบบเผาผลาญของคุณจะสูงสุดในช่วงเย็นและลดต่ำลงเมื่อคุณนอนหลับ การกินอาหารมื้อใหญ่ตอนดึก ๆ โดยเฉพาะที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะ ๆ จะไปกระตุ้นการผลิตอินซูลิน และส่งผลให้เกิดการสะสมไขมัน ฉะนั้น แคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปตอนกลางคืนจึงมีแนวโน้มที่จะถูกเก็บเป็นไขมันมากกว่า ดังนั้น หยุดการกิน 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และคุณจะลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Lisa



ปฏิกิริยาของคุณ?