ผมสวยได้ด้วยกะทิ

ผมสวยได้ด้วยกะทิ

กะทิ หรือน้ำกะทิที่เรารู้จักกันดีนี่ล่ะค่ะ นอกจากจะนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว อาหารหวานก็รับรองว่าอร่อยกลมกล่อมเชียวล่ะ แต่รู้ไหมว่ากะทิสามารถนำมาบำรุงผมได้ด้วยนะ มาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง

• สูตรแก้ปัญหาผมพันกัน สาว ๆ ที่มีปัญหาผมพันกัน คงรู้สึกไม่ดีสุด ๆ เวลาหวีผมแล้วเจ็บหนังหัวใช่ไหมล่ะคะ งั้นหยิบกะทิมาช่วยแก้ปัญหานี้กันเลยดีกว่า โดยให้ใช้สำลีก้อนกลมจุ่มน้ำกะทิแล้วนำมาทาลงบนเส้นผม ทิ้งไว้สักประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อให้เส้นผมนุ่มลื่นและจัดทรงง่ายขึ้น ทำแค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็พอแล้ว
• สูตรเร่งผมยาวไว ในน้ำกะทิอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นและวิตามินอี ซึ่งตรงนี้แหละที่จะช่วยเร่งให้ผมยาวไวและช่วยให้นุ่มสลวยเงางาม หรือคุณอาจจะหยิบน้ำมันมะกอกมาผสมกับน้ำกะทิเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้วยก็ได้นะ จากนั้นนำมานวด ๆ ให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะเพื่อบำรุงผมอย่างล้ำลึก เพียงเท่านี้ผมของคุณก็จะยาวไวและดกดำอย่างเป็นธรรมชาติแล้ว
• สูตรแก้ปัญหาหนังศีรษะแห้งและลอกเป็นแผ่น การที่หนังศีรษะของคุณสาว ๆ แห้งและลอกเป็นแผ่น ๆ ไม่ใช่แค่เป็นต้นเหตุของการเกิดรังแคเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหตุที่ทำให้เส้นผมแห้งเสียได้อีกด้วย ฉะนั้นเลือกน้ำกะทิมาเป็นตัวช่วยในการบำรุงดีกว่า เพราะในน้ำกะทิมีไขมันที่มีคุณสมบัติทำให้ชุ่มชื้นและช่วยให้สภาพหนังศีรษะดีขึ้นได้

• สูตรฟื้นฟูผมเสีย รู้หรือไม่ว่าแสงแดดและมลภาวะ เป็นตัวการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะตัวฉกาจเลยแหละ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราน้ำกะทิสามารถช่วยฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะที่เสียได้ดีทีเดียว ก็เพราะในกะทิอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ยังไงล่ะ แล้วช่วงนี้เส้นผมของคุณต้องการโปรตีนให้มากกว่าเดิม เพื่อความแข็งแรงมากขึ้น จึงควรเลือกกะทิมาบำรุงเส้นผมอย่างไม่ต้องคิด
• สูตรช่วยให้ผมเงางาม การที่ใช้น้ำกะทิมาหมักผมอย่างเดียว ก็อาจจะแค่ทำให้ผมนุ่มน่าสัมผัส แต่ถ้าลองใส่น้ำผึ้งลงไปผสมด้วย คุณก็จะได้เป็นเจ้าของผมนุ่มเงางามเลยล่ะ โดยให้นำน้ำกะทิและน้ำผึ้งมาผสมรวมกัน จากนั้นก็เอาไปทาไว้บนเส้นผม ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมงค่อยล้างออก ทำซ้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์แล้วคุณก็จะเห็นผลชัดเจนเลยแหละ

เห็นไหมค่ะว่าน้ำกะทิธรรมดาๆ ที่ทุกคนมักจะมองข้ามก็สามารถนำมาเป็นเครื่องสำอางเพื่อช่วยฟื้นฟูเส้นผมของเราได้ด้วย คุณสาวๆ ลองนำสูตรข้างบนไปลองทำกันดูนะคะ ได้ผลอย่างไรอย่าลืมบอกต่อด้วยนะ

ขอขอบคุณ ที่มา : กระปุกดอทคอม ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต