มุมมอง
Oppo Find X5 Series เปิดตัวพร้อมการปรับปรุงการประมวลผลของภาพถ่าย, เทคโนโลยีแบตเตอรี่, คุณภาพตัวเครื่อง โดยมาด้วยกันสองรุ่นตามเดิมได้แก่รุ่นปกติและรุ่นโปร ซึ่งในที่นี้จะเน้นรุ่นโปรเป็นหลัก
เริ่มจากกล้องยังคงมีกล้องความละเอียด 50MP สองตัวเป็นกล้อง Wide และ Ultrawide ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 (1/1.56”, 1.0 µm) แต่ฮาร์ดแวร์ในการประมวลผลอัลกอริทึมต่างๆ ดีขึ้นจากเดิมทำให้ผลลัพธ์แตกต่าง
6nm MariSilicon X chip ได้รับการปรับปรุงมาเพื่อใช้งาน AI ในการลด Noise และปรับปรุงการประมวลผลของภาพรวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอ Ultra Night 4K ที่จะมี Noise ลดลงและสีสันดีขึ้นจากเดิมด้วย โดยใช้งานได้ทั้งเลนส์ Wide และ Ultrawide
oppo ระบุว่า custom chip นั้นสามารถถ่ายวิดีโอ HDR 20-bits per channel หรือเทียบเท่ากับ 120 dB dynamic range
Pro mode มาพร้อมฟีเจอร์ Hasselblad Natural Color Calibration ที่จะพึ่งพา 13-channel color sensor ตัวใหม่ (เดิม 5-channel sensor) ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความแม่นยำของสีสันและช่วยลด chromatic aberration และผู้ผลิตกล้องยังได้ช่วยในการพัฒนา Master filters ที่ให้นำไปใส่ภาพได้ง่ายๆ เลยด้วย
กล้อง Wide มาพร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหว 5 แกน โดยใช้เทคโนโลยีการรวมกันสั่นทั้งเลนส์และเซ็นเซอร์เข้าด้วยกันซึ่งสามารถแก้ไขการสั่นไหวได้มากถึง 3 องศา และใช้งานได้ทั้งภาพรวมถึงวิดีโอ (EIS ก็มี) แต่มีข้อสังเกตว่าเลนส์ Ultrawide กว้างเพียง 110 องศา ซึ่งแคบกว่ารุ่นเดิมหน่อย
Telephoto ยังคงความละเอียด 13MP ระยะ 2x หรือ 52มม. รองรับ 5x hybrid zoom
ส่วนกล้องหน้าใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX709 พร้อม RGBW sub-pixels ที่จะช่วยให้เซ็นเซอร์สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น 60% แต่ก็แอบโกงด้วยการประมวลผลจาก MariSilicon chip ด้วยและกล้องหน้าจะปรับองศาเองอัตโนมัติกรณีจะเซลฟี่คนเดียวหรือเซลฟี่กลุ่ม
ในส่วนของหน้าจอยังคงเป็น LTPO AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 3,216 x 1,440 พิกเซล Refresh Rate ปรับได้ตั้งแต่ 1-120Hz รองรับ 10-bit color rendering และ 100% coverage DCI-P3 ส่วน touch sampling rate สูงถึง 1,000Hz เลย และมีความสว่างสูงถึง 1,300nits ปรับระดับความสว่างได้มากถึง 8,192 ระดับ ซึ่งสามารถหาความสว่างที่พอดีได้สำหรับแต่ละสถานการณ์
X5 Pro ผ่านมาตรฐาน IP68 และด้านหน้าจอปกป้องด้วย Gorilla Glass Victus ส่วนฝาหลังเป็นเซรามิค แต่น้ำหนักตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเป็น 218 กรัม (จาก 193 กรัม) โดยเหตุผลที่ฝาหลังเป็นเซรามิคเพราะระบายความร้อนได้ดีกว่า
หน่วยประมวลผลแน่นอนว่าเป็น Snapdragon 8 Gen 1 ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 (Android 12) โดยเวอร์ชั่น 0.1 นี้ได้ปรับปรุงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมาโดยเฉพาะ และมีฟีเจอร์ Multi-Screen Connect ที่ทำให้สามารถสลับใช้งานหน้าจอโทรศัพท์บน PC ได้
แบตเตอรี่จุ 5,000mAh รองรับการชาร์จไฟแรง 80W SuperVOOC ใช้เวลา 12 นาทีชาร์จได้ 50% และรองรับการชาร์จไร้สายแรง 50W AirVOOC ที่ใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 47 นาที นอกจากนี้ยังมี Battery Health Engine ที่จะช่วยรักษาอายุแบตเตอรี่ให้ชาร์จได้กว่า 1,600 ครั้งก่อนที่ความจุจะหดลงเหลือ 80% (ปกติความจุจะเหลือ 80% จากการชาร์จราวๆ 800 ครั้ง)
ตัวเครื่องยังคงมีลำโพงสเตอริโอที่รองรับ Dolby Atmos , รองรับ USB-C และมีเสาสัญญาณรอบทิศ 360องศาหมดกังวลเรื่องสัญญาณไม่แรงได้เลย (แต่ถ้าไปป่าลึกก็อีกเรื่อง)
สำหรับราคาเปิดที่ €1,300 หรือประมาณ 47,500 บาท สำหรับ 12/256GB ซึ่งมีให้เลือกสองสีได้แก่สีขาวและสีดำ ส่วนราคาไทยคาดว่าไม่ห่างจากเดิมเท่าไหร่หรอก
The post Oppo Find X5 Pro เปิดตัวพร้อมกล้อง Hasselblad และ custom Marisilicon X NPU first appeared on PDAMobiz.