ภาพจาก laopinion.com
อาหารของคนฉลาด น้อย
อาหาร เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายคนเรา เพื่อบำรุงร่างกาย เสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะอาหารที่ดีมีคุณค่าทางอาหารมากมาย คนเราทานอาหารหลักๆ แล้ว วันละ 3 มื้อ เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ด้วยพลังงานที่ได้รับจากอาหารที่ทานไปในแต่ละวัน แต่ยังมีอาหารอีกไม่น้อยที่ทานเข้าไปแล้ว ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ร่างกายตามที่เราเข้าใจกัน อาหารพวกนี้นานๆ กินทีก็พอได้อยู่นะคะ แต่ถ้าทานบ่อยๆ อาจจะกลายเป็นยาพิษทำให้เราสมองเสื่อมได้โดยไม่ทันรู้ตัวเลยทีเดียว อาหารเหล่านั้นก็คือ
โยเกิร์ต จริงๆ แล้วโยเกิร์ตตามธรรมชาติมีจุลินทรีย์ดีๆ เพียบ แต่โยเกิร์ตที่ขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ ถูกเติมน้ำตาล แต่งกลิ่นเข้าไปจนแทบไม่เหลือคุณค่าแล้ว น้ำตาลจำนวนมากจากโยเกิร์ตพวกนี้ จะเข้าไปก่อกวนให้สมองเฉื่อยชา ส่วนกลิ่นที่แต่งเข้าไปเป็นสารเคมี กินมากๆ สมองก็ไม่แฮปปี้อีกเหมือนกันค่ะ
ภาพจาก sanook.com
อาหารทอด ไขมันที่เข้าไปในร่างกายจะจับตัวเป็นก้อน เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด จนร่างกายลำเลียงโลหิตไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก นี่ยังไม่รวมโรคอ้วนกับโรคหัวใจที่จะตามมาอีกนะจ๊ะ
ภาพจาก sanook.com
ฟาสฟู้ด หรือ จังค์ฟู้ด เกลือปริมาณมากจากอาหารขยะพวกนี้ เป็นตัวการที่ทำให้ระบบประสาทขัดข้อง เด็กที่พ่อแม่เลี้ยงด้วยเฟรนซ์ฟรายด์จึงมักจะเอ๋อ มีพัฒนาการช้า ก็เพราะเหตุนี้เอง
ภาพจาก thaihealth.or.th
เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เครื่องดื่มบำรุงกำลังทำมาจากน้ำ น้ำตาลและสารกระตุ้นสมอง ดื่มปุ๊บเราถึงสดชื่นหายอ่อนเพลียทันที แต่ข้อเสียก็คือหลังจากยากระตุ้นสมองหมดฤทธิ์ สมองก็จะเฉื่อยและเหนื่อยยิ่งกว่าเดิม ก็เหมือนคนที่ถูกบังคับให้วิ่งรอบสนามเร็วจี๋ พอพลังงานสะสมหมดลง ทีนี้ก็แทบจะเดินไม่เป็นกันเลยทีเดียวไงล่ะคะ
ภาพจาก th.openrice.com
ป๊อปคอร์นโรงหนัง รสชาติเด็ดดวงของป๊อปคอร์นมาจากสารสังเคราะห์สำหรับแต่งรสแต่งกลิ่นหลายชนิด สารเคมีพวกนี้จะทำให้การทำงานของสมองไม่เป็นปกติ คิดไม่ออก ความจำแย่ หนักๆ เข้าจะพาลขี้โมโหควบคุมตัวเองไม่ได้ในที่สุด
ภาพจาก tescolotus.com
อาหารเหล่านี้ เป็นแหล่งสะสมของสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกาย ทานเข้าไปแล้ว ทานบ่อยๆ นานๆ เข้าจะไปสะสมอยู่ในร่างกาย ส่งผลเสียต่อร่างกายของเรามากมายจนคิดไม่ถึง บางอย่างโฆษณาชวนเชื่อ บอกถึงประโยชน์มากมาย จนเราอาจหลงเชื่อ ซื้อมาทานกันบ่อย แต่เมื่อทราบถึงผลที่จะตามมาขนาดนี้แล้ว คงจะช่วยให้คุณๆ ทั้งหลาย หยุดคิดสักนิดก่อนหยิบมาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์นะคะ
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร SPICY