ภาพจาก : chulalakeshop.com
ถ้ารู้สึกว่าอายุมากขึ้นแล้วสมองไม่เฉียบคมอย่างเคย ลองกินอาหารเหล่านี้กันเถอะ
1. ถั่วและช็อกโกแลต อาหารทั้งสองชนิดมีวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความแก่ชราของร่างกาย และช็อกโกแลตยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ พร้อมกับกาเฟอีนที่จะช่วยเรื่องสมาธิ แต่เพื่อไม้ให้ได้รับแคลอรี ไขมัน หรือน้ำตาลมากเกินไป ควรกินถั่วหรือช็อกโกแลตวันละออนซ์ก็พอ
2. กาเฟอีน อาจจะไม่มีอาหารที่ทำให้ไอคิวของคุณสูงขึ้นก็จริง แต่สารบางอย่าง เช่น กาเฟอีน สามารถทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและช่วยให้มีสมาธิได้จริงแม้ว่าจะมีผลแค่ในระยะสั้นก็ตาม เราพบกาเฟอีนได้ในกาแฟ ช็อกโกแลต ยาบางประเภท และเครื่องดื่มชูกำลัง อย่างไรก็ดี การกินกาเฟอีนมากเกินไปจะทำให้เรากระสับกระส่าย
3. อะโวคาโดและธัญพืช ทุกอวัยวะในร่างกายเราต้องการเลือดไปเลี้ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองและหัวใจ การกินธัญพืชและอะโวคาโดจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและลดคอเลสเตอรอลเลว ลดความเสี่ยงไขมันอุดตันในเส้นเลือด และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เซลล์สมองจึงได้รับทั้งสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้นนั่นเอง สำหรับคนที่เป็นห่วงไขมันจากอะโวคาโดไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะมันเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพ
ภาพจาก : sanook.com
4. น้ำตาล จริงที่ว่าสมองของเราต้องการน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงแต่น้ำตาลในที่นี้หมายถึงกลูโคส ซึ่งร่างกายเราเผาผลาญออกมาจากน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่กินเข้าไป จึงเป็นสาเหตุที่น้ำหวานอาจกระตุ้นความจำ ส่งเสริมระบบการคิดคำนวณได้ในระยะสั้น แต่ถ้ากินมากเกินไปก็จะให้ผลตรงกันข้าม
5. ปลา แหล่งโปรตีนที่ให้สารอาหารแก่สมองจริงๆ ก็คือปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานและการพัฒนาสมอง โอเมก้า 3 มีความเกี่ยวข้องกับการลดโอกาสที่จะเกิดหรือชะลออาการสมองเสื่อมและสโตรก ดังนั้น เพื่อสุขภาพของหัวใจอย่าลืมกินปลาทุกสองหน่วยบริโภคต่อสัปดาห์นะจ๊ะ
6. วิตามินเสริม มีอาหารเสริมมากมายที่อ้างว่าช่วยบำรุงสมอง และก็มีรายงานที่ชี้ว่าวิตามินบี ซี อี เบต้าแคโรทีน และแมกนีเซียมช่วยได้จริง แต่อาหารเสริมก็เหมาะสำหรับคนที่กินอาหารปกติแล้วไม่ตอบโจทย์เหล่านี้มากกว่า
7. บลูเบอร์รี่ การทดลองในสัตว์พบว่าบลูเบอร์รี่ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากอนุมูลอิสระ ลดผลกระทบจากความชรา เช่น โรคอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม และในการทดลองดังกล่าวยังพบว่าการกินบลูเบอร์รี่จำนวนมากจะช่วยให้หนูที่แก่แล้วเรียนรู้ได้เร็วมากขึ้นพอๆ กับหนูที่ยังเล็กด้วย
ขอขอบคุณ ที่มา : Lisa