ฝนนี้ระวังไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก

ผิดจากความเชื่อที่ว่าหวัดจะระบาดในฤดูหนาว แต่สำหรับบ้านเราแล้วฤดูฝนถือเป็นช่วงพีคของไข้หวัดใหญ่เลยล่ะ

ภาพจาก : thaipbs.or.th

สธ.เตือนฤดูฝน โรคติดเชื้อทางเดินหายใจมีแนวโน้มแพร่ระบาดสูง โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่ต้นปีนี้มีผู้ป่วยสะสม 185,216 คน เฉพาะแค่สัปดาห์นี้ (10-16 ก.ย.) มีผู้ป่วยเพิ่ม 12,000 คน สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี

วันนี้ (25 ก.ย.25566) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หลังจากประเทศไทยประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค.2565 ประชาชนเลือกสวมหน้ากากอนามัยได้ตามความสมัครใจ พบว่าแนวโน้มของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ เพิ่มสูงขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนว่า การสวมหน้ากากอนามัยสามารถช่วยป้อง กันและลดความเสี่ยงโรคติดเชื้อทางเดินหายใจได้อย่างดี

ปลัด สธ.กล่าวว่า อัตราป่วยตายร้อยละ 0.002 เฉพาะสัปดาห์ที่ 10-16 ก.ย.นี้ มีผู้ป่วยเพิ่มมากกว่า 12,000 คน ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ป่วยในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 และค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมทีมสอบสวนควบคุมโรคเพื่อรองรับการระบาดแล้ว ตามนโยบายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข

ภาพจาก : healing-factors.com

เช็กอาการไข้หวัดใหญ่-ต่างกับ RSV

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งโรคหลักๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง คือ โรคโควิด-19 อาการมักมีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย อาจมีหายใจลำบาก

ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ ไอแห้ง น้ำมูกใส เบื่ออาหาร และโรค RSV จะมีไข้ ไอจาม มักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ซึ่งการติดต่อของทั้ง 3 โรคเหมือนกัน คือ การไอ จาม สัมผัสละอองฝอยน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ เมื่อมีอาการป่วยของโรคทางเดินหายใจ หรือเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด ต้องสวมหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูกให้มิดชิดเมื่อไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมถึงล้างมือบ่อยๆ เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจเหล่านี้

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลสังเกตอาการบุตรหลานที่เป็นเด็กนัก เรียน หากเด็กป่วยมีอาการทางเดินหายใจแนะนำให้หยุดพักอยู่บ้าน เพื่อดูแลรัก ษา ติดตามอาการ และไม่ไปแพร่เชื้อต่อที่โรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็ก

ส่วนโรงเรียน ขอให้จัดระบบการคัดกรองอาการทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เพื่อแยกเด็กไม่ปะปนกับเด็กอื่นๆ และพิจารณาปิดห้องเรียนเมื่อพบเด็กป่วยหลายๆ คนติดต่อกัน

ขอบคุณที่มา thaipbs.or.th