ภาพจาก : gangbeauty.com
ไม่มีเวลาเข้าฟิตเนส? ไม่มีอุปกรณ์ออกกำลัง? ข้ออ้างเหล่านี้จะหมดไป เพราะแค่ "เดิน" ก็ช่วยให้ลดน้ำหนักได้
"เดิน" ดีอย่างไร คุณสามารถเดินได้ทุกที่ โดยคนปกติจะเดินอยู่ระหว่าง 3,000-4,000 ก้าวต่อวัน โดยที่ 1,000 ก้าวจะเท่ากับการเดินเร็วๆ 10 นาที หากคุณอยากรู้ว่าในแต่ละวันคุณเดินมากแค่ไหน คุณอาจจะลองหาเครื่องนับก้าวเดิน (Pedometer) มาใช้ ซึ่งบางรุ่นอาจมีระยะทางบ่งบอก คุณสามารถหนีบเอาไว้ที่เข็มขัดหรือกระเป๋ากางเกง มันจะช่วยนับก้าวที่เราเดินไปไม่แน่ว่าแค่เดินภายในบ้าน ภายในออฟฟิศ หรือช้อปปิ้งในแต่ละวัน ก็อาจจะถึง 10,000 ก้าวแล้วก็ได้
"เดิน" จะช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร ปกติแล้วคุณจะใช้ประมาณ 300-400 แคลอรีในการเดิน 10,000 ก้าว สำหรับการลดน้ำหนัก ควรแบ่งเวลาไว้เดิน 4,000-6,000 ก้าวติดกันโดยไม่หยุดพัก กุญแจสำคัญอยู่ที่การเผาผลาญแคลอรีให้มากกว่าการรับแคลอรีเข้าไปประมาณ 600 แคลอรีต่อวัน
ภาพจาก : รีวิวศัลยกรรม.com
เริ่มเดินอย่างไร รองเท้าผ้าใบที่มีซัพพอร์ตส้นจะดีที่สุดสำหรับการเดิน หากคุณไม่เคยเดินมาก่อน อย่าคาดหวังว่าจะต้องเดินครบ 10,000 ก้าวภายในวันเดียว สำหรับคนที่กังวลเรื่องข้อต่อควรปรึกษาแพทย์ก่อน โดยเครื่องนับก้าวจะเที่ยงตรงที่สุดเมื่อคุณเหน็บไว้ด้านข้าง เหนือสะโพก หรือว่าเหนือเข่าตรงๆ เลย แต่เครื่องส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้ขนานกับพื้น ถ้าติดเอียงหรือเดินขึ้นเขาอาจจะนับได้ไม่ตรงนักแล้วติดให้เป็นกิจวัตร โดยสัปดาห์แรกอย่าเพิ่งเปลี่ยนกิจกรรมเพื่อดูก้าวนับตามปกติของคุณก่อน สัปดาห์ถัดมาให้เพิ่มวันละ 2,000 ก้าว (หรือประมาณ 20 นาที) แล้วพยายามเดินให้ได้วันละ 10,000-12,000 ก้าวเป็นปกติ อย่าลืมหาสมุดไดอารี่มาจดบันทึกความสำเร็จเอาไว้ด้วย
ถ้าการเดินน่าเบื่อ ทำอย่างไรดี
- หาเพื่อนร่วมเดินด้วย หรือจับกลุ่มแข่งกันว่าใครจะเดินได้จำนวนก้าวมากที่สุด
- ฟังเพลงในขณะเดิน ให้การเดินของคุณเข้าจังหวะ
- จำไว้ว่าการเดินทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น แล้วจงมีความสุขกับสิ่งรอบตัวในขณะเดิน
ทั้งนี้ ปริมาณการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับอายุ ในช่วง 19-64 ปี ควรจะออกกำลังอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เมื่อคุณรู้สึกว่าการเดินวันละ 10,000 ก้าวเป็นเรื่องง่ายๆ แล้ว ก็ควรจะออกกำลังแบบอื่นด้วย เพื่อร่างกายแข็งแรงและรูปร่างสุดเพอร์เฟ็กต์
ขอขอบคุณ ที่มา : Lisa