มหัศจรรย์ของโกจิเบอร์รี่

ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ชื่อ "โกจิเบอร์รี่" เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้นเมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมและเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชั่นนอล ดริ๊งค์หลายประเภท

ภาพจาก : pptvhd36.com

ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ชื่อ "โกจิเบอร์รี่" เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้นเมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอาหารเสริมและเครื่องดื่มประเภทฟังก์ชั่นนอล ดริ๊งค์หลายประเภท ทำให้สงสัยว่า "โกจิเบอร์รี่" คืออะไรมีคุณประโยชน์อย่างไร และทำไมจึงกลายเป็นผลไม้ยอดฮิตที่นำมาบริโภคกันทั่วโลก วันนี้จึงขอนำเรื่องราวของ "โกจิเบอร์รี่" ราชินีแห่งเทือกเขาหิมาลัยมาแนะนำให้สาวๆ ได้รู้จักกัน

โกจิเบอร์รี่ หรือ "Chinese Wolfberry" มีถิ่นฐานอยู่ในแถบเทือกเขาหิมาลัย ถูกค้นพบเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยนักสมุนไพรชาวหิมาลายัน ต่อมาได้รับการถ่ายทอดสู่นักปรุงยาชาวจีน ทิเบต และอินเดีย จากการค้นคว้าและวิจัยพบว่าผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสารแอนติออกซิแดนท์ (antioxidant) ซึ่งเป็นสารที่สามารถขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกายในปริมาณมากถึง 25,300 ORAC ขณะที่อันดับ 2 ได้แก่ลูกพรุน ซึ่งมีสารแอนติออกซิแดนท์จำนวน 5,700 ORAC ผลโกจิเบอร์รี่แต่ละลูกยังประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 19 ชนิด ธาตุอาหาร 21 ชนิด มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีท และมีวิตามินซีสูงมากกว่าผลส้มอีกด้วย

สารต้านอนุมูลอิสระมีความมหัศจรรย์ในการขับของเสียที่ร่างกายได้รับจากกระบวนการที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาชีวเคมีทั้งควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ รังสียูวี เอ็กซเรย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นอนุมูลอิสระที่มีอันตรายต่อเซลล์ในร่างกาย ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ภาวะข้อต่ออักเสบ ต้อกระจก และการเสื่อมของอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แก่ก่อนวัยอันควร อนุมูลอิสระจะทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลล์มะเร็งและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่นำไปสู่กระบวนการเกิดโรคมะเร็ง

โกจิเบอร์รี่ ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยในสหรัฐอเมริกาทำการศึกษาคุณค่าด้านสารอาหารและการต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างต่อเนื่อง จนพบว่าผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในโลก โดยโกจิเบอร์รี่สามารถชะลอความชรา ควบคุมน้ำตาลในเม็ดเลือดแดงเสริมสร้างการทำงานของหัวใจ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย

ผลการศึกษายังพบว่าการบริโภคโกจิเบอร์รี่อาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการที่จะรักษาสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันอย่างเป็นธรรมชาติ ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานอย่างดีที่สุดต้องการความสมดุลและสารอาหารที่มาจากธรรมชาติ เพื่อให้เกิดความสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถหาได้จากโกจิเบอร์รี่นั่นเอง นอกจากนี้โกจิเบอร์รี่ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาสมดุลของภูมิคุ้มกัน ช่วยในการสร้างการทำงานที่แข็งแรงและเป็นปกติ และโกจิเบอร์รี่ยังมีสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยส่งเสริมและรักษาการทำงานของระบบเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมไปถึงทีเซลล์, cytotoxic T-Cells, NK (natural killer) cells เป็นต้น

ภาพจาก : thipmongkol555.com

"โกจิเบอร์รี่" จึงถูกนำไปค้นคว้าและพัฒนาในหลากรูปแบบ ทั้งอาหารเสริม เครื่องดื่ม ส่วนผสมในอาหาร และเครื่องสำอาง และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยประสิทธิภาพที่ได้รับผลลัพธ์อย่างดียิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติสูงสุด
"โกจิเบอร์รี่" ยังได้รับการยกย่องจากนิตยสาร TIME ว่าเป็นสุดยอดผลไม้แห่งปีด้วยสาเหตุเพราะเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางด้านสารอาหารมากที่สุดในโลก และดกจิเบอร์รี่ยังเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของดาราฮอลลีวู้ด อาทิ แคเธอรีน ซีตาโจนส์, กวินเน็ต พัทโธรว์, มาดอนน่า เป็นต้น

ปัจจุบันมีผู้ยกย่อง "โกจิเบอร์รี่" ว่าเป็นผลไม้สุดยอดแห่งความมหัศจรรย์, สุดยอดผลไม้แห่งปี, ผลไม้แห่งเทือกเขาหิมาลัย, Happy Berry เพราะทานแล้วทำให้สดชื่นและอารมณ์ดี และในวันนี้ถือโอกาสแนะนำอีกหนึ่งความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ ที่เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้คนไทยจะรู้จักและได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับ Rose Hips ลูกกุหลาบ หรือผลกุหลาบ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยในผลสดมีปริมาณวิตามินซีที่ 1,700-2,000 mgs/100 g ซึ่งมากกว่าสมุนไพรชนิดอื่น ทำให้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ลดภาวะกดดันที่ก่อให้เกิดการออกซิเดชั่น เป็นตัวร่วมในการทำงานของเอนไซม์ในกระบวนการสังเคราะห์สารต่างๆ ที่สำคัญของร่างกายและเกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างคอลลาเจน (collagen hydroxylation) โดยใช้วิตามินซีเป็น cofactor

โกจิเบอร์รี่ และ Rose Hips ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในเครื่องดื่มหลายประเภทหนึ่งในนั้นคือ "ชาขาว" ซึ่งในอนาคตอันใกล้คนไทยจะได้สัมผัสและลิ้มลองกับความมหัศจรรย์ของผลไม้ทั้งสองชนิด ที่จะให้มากกว่าความสดชื่นอย่างแท้จริง

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy