ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะให้ลูกน้อยดื่มนมจากแก้ว

เมื่อถึงวัยนี้เด็กสามารถหยิบจับภาชนะต่างๆ ได้ดีแล้วนะคะ การให้ลูกดื่มนมจึงมีหลายทาง เช่น ดื่มจากแก้ว จากขวด หรือจากกล่อง

เมื่อถึงวัยนี้เด็กสามารถหยิบจับภาชนะต่างๆ ได้ดีแล้วนะคะ การให้ลูกดื่มนมจึงมีหลายทาง เช่น ดื่มจากแก้ว จากขวด หรือจากกล่อง ซึ่งคุณแม่บางคนอาจจะยังลังเลอยู่ว่าจะให้ลูกน้อยดื่มนมอย่างไรดี คุณแม่สามารถตัดสินใจจากข้อเปรียบเทียบได้ดังนี้ค่ะ

การดื่มนมจากขวด คือ นมที่คุณแม่ชงใส่ขวดให้ลูกดื่มนั่นเอง

ข้อดี : การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณปากของเด็ก และช่วยให้เค้ารู้สึกสงบก่อนที่จะหลับ

ข้อเสีย : การให้เด็กดื่มนมจากขวดนั้น ไม่ควรให้เกินอายุ 18 เดือน เพราะจะทำให้เด็กติดขวดนม โดยเฉพาะในเด็กที่ดูดนมจนหลับจะมีผลต่อสุขภาพปากและฟัน ทำให้ลูกไม่ได้แปรงฟันก่อนนอน ซึ่งในน้ำนมจะมีน้ำตาลแล็กโทสที่ทำให้ฟันผุได้ เด็กบางคนที่ติดขวดนมคาบไปนู่นมานี่ทั้งวันจะทำให้ปากและฟันเจ่อได้ เมื่อฟันแท้ที่เกิดตามมาเมื่ออายุ 6-7 ขวบอาจจะเกและไม่สวยได้ค่ะ

การดื่มนมจากแก้ว คือ นมที่คุณแม่ชงแล้วเทใส่แก้ว หรือนมกล่องที่ใช้หลอดดูด

ข้อดี : ตามพัฒนาการในวัยนี้ เด็กมีความพร้อมที่จะถือแก้วดื่มด้วยตัวเองได้แล้วนะคะ คุณแม่ควรฝึกให้เด็กเริ่มมีความเคยชินกับการดื่มจากแก้วตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ เพื่อให้เด็กรู้ว่านมไม่ได้มาจากขวดเสมอไป อีกทั้งเด็กจะได้มีทักษะในการดื่มนมจากแก้วหรือหลอด ก่อนที่จะเลิกขวดนมเมื่ออายุได้ประมาณ 1 ขวบครึ่งค่ะ ปัจจุบันมีแก้วสำหรับฝึกให้ดื่มหลายแบบ เช่น แบบที่มีฝาปิดปากแก้วและมีปากดูดยื่นออกมา หรือ เป็นแบบที่มีมือจับทั้งสองข้างคุณอาจเริ่มจากการให้ลูกจิบนมจากช้อนก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคยค่ะ

ข้อเสีย : ในระยะแรกๆ ลูกอาจจะงอแง เพราะติดขวดนมบวกกับการยังไม่ชินกับการดื่มนมจากแก้วแต่เด็กวัยนี้มีความพร้อมที่จะดื่มนมจากแก้วหรือหลอดได้แล้วค่ะ ฉะนั้นคุณแม่ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ และในการเลือกซื้อนมให้ลูกทานนั้นคุณแม่ต้องดูให้แน่ใจนะคะว่าไม่ใช่นมพร่องมันเนยเพราะเด็กยังต้องการไขมันที่เป็นแหล่งของพลังงาน กรดไขมันที่จำเป็น และวิตามินที่ละลายในไขมันเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมองค่ะและอย่าลืมดูวันหมดอายุด้วยนะคะ

Tips : คุณแม่ต้องอย่าลืมนะคะว่า ในวัยนี้นมเป็นเพียงอาหารเสริมของลูกเท่านั้น หากลูกกินนมมากจนไม่ยอมกินข้าวจะทำให้ลูกเสียโอกาสในการพัฒนาปาก ลิ้น และฟัน รวมไปถึงมีอาการท้องผูกเนื่องจากขาดใยอาหารด้วยค่ะ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต