สรรพคุณและประโยชน์ของจันทน์เทศ
- ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) และลูกจันทน์ (เมล็ด) มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม เป็นยาร้อนเล็กน้อย โดยออกฤทธิ์ต่อลำไส้และม้าม ใช้เป็นยาทำให้ธาตุและร่างกายอบอุ่น (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ธาตุอ่อน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยแก้ธาตุพิการ (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด), ลูกจันทน์ (เมล็ด)) ส่วนตำรับยาจีนระบุว่าให้ใช้จันทน์เทศที่เป็นยาแห้ง 10 กรัม, เนื้อหมากแห้ง 10 กรัม, ดอกคังวู้ 15 กรัม นำมาบดเป็นผง แล้วทำเป็นยาลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ใช้รับประทานครั้งละ 10-20 เม็ด วันละ 3 ครั้ง
- ลูกจันทน์ (เมล็ด) มีรสหอมออกฝาด เป็นยาบำรุงโลหิต (ลูกจันทน์ (เมล็ด)) ส่วนอีกตำราหนึ่งก็ระบุว่าดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) ก็มีสรรพคุณบำรุงโลหิตเช่นกัน (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยกระจายเลือดลม (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) มีรสเผ็ดร้อน เป็นยาบำรุงกำลัง (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด)) ส่วนอีกตำราหนึ่งก็ระบุว่าลูกจันทน์ (เมล็ด) ก็มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลังเช่นกัน (ลูกจันทน์ (เมล็ด)
- ช่วยบำรุงหัวใจ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการเบื่ออาหาร (ลูกจันทน์ (เมล็ด)) บ้างระบุว่ารกหุ้มเมล็ดก็ช่วยทำให้เจริญอาหารเช่นกัน (ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ลูกจันทน์ช่วยทำให้นอนหลับได้และนอนหลับสบาย (ลูกจันทน์ (เมล็ด))
- ช่วยแก้อาการหอบหืด (เข้าใจว่าต้องใช้ผสมกับตัวยาอื่นด้วย) (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยแก้ดีซ่าน (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- แก่นจันทน์เทศเป็นยาลดไข้ แก้ไข้ แก้ไข้ดีเดือด ไข้ที่เกิดจากไวรัส (แก่น) บ้างระบุว่าลูกจันทน์ (เมล็ด) หรือดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) ก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้เช่นกัน
- ช่วยแก้อาการร้อนใน ช่วยทำให้ชุ่มคอ แก้อาการกระหายน้ำ (ลูกจันทน์ (เมล็ด), ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด))
- ช่วยแก้อาการกระสับกระส่าย ตาลอย (แก่น)
ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , thaihealth (สสส.)
ภาพจาก : pantip
ภาพจาก : foodietaste.com
ผลจันทน์เทศ ผลเป็นผลสด ค่อนข้างฉ่ำน้ำ ลักษณะของผลเป็นรูปทรงค่อนข้างกลม รูปร่างคล้ายกับลูกสาลี่ ยาวประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร เปลือกผลเรียบเป็นสีเหลืองนวล สีเหลืองอ่อน หรือสีแดงอ่อน เมื่อผลแก่แตกอ้าออกเป็น 2 ซีก ภายในผลมีเมล็ดลักษณะกลม ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เซนติเมตร เมล็ดเป็นสีน้ำตาล เนื้อและเปลือกแข็ง มีจำนวน 1 เมล็ดต่อผล
เมล็ดจันทน์เทศ โดยทั่วไปแล้วเราจะเรียกเมล็ดว่า "ลูกจันทน์" (Nutmeg) และเมล็ดจะมีเยื่อหุ้มหรือรกหุ้มเมล็ดสีแดงส้ม มีกลิ่นหอม ซึ่งเราจะเรียกรกหุ้มเมล็ดว่า "ดอกจันทน์" (Mace) โดยมีลักษณะเป็นริ้วสีแดงจัด รูปร่างคล้ายร่างแห เป็นแผ่นบางมีหลายแฉกหุ้มเมล็ด โดยจะรัดติดแน่นอยู่กับเมล็ด เมื่อนำมาแกะแยกออกจากเมล็ด รกที่แยกออกมาสด ๆ จะมีสีแดงสด และเมื่อทำให้แห้งสีของรกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนหรือเป็นสีเนื้อ ผิวเรียบและเปราะ มีความยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตรและมีความหนาประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร มีกลิ่นหอม รสขมฝาดและเผ็ดร้อน
ภาพจาก : thaikasetsart.com
จันทน์เทศ สรรพคุณและประโยชน์
จันทน์เทศ ชื่อสามัญ Nutmeg
จันทน์เทศ ชื่อวิทยาศาสตร์ Myristica fragrans Houtt. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Myristica officinalis L. f., Myristica aromatica Lam., Myristica moschata Thunb. จัดอยู่ในวงศ์จันทน์เทศ (MYRISTICACEAE)
สมุนไพรจันทน์เทศ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า จันทน์บ้าน (ภาคเหนือ, เงี้ยว-ภาคเหนือ), โย่วโต้วโค่ว โร่วโต้วโค่ว (จีนกลาง), เหน็กเต่าโข่ว (จีนแต้จิ๋ว) ปาลา (มาเลเซีย) เป็นต้น
ลักษณะของจันทน์เทศ
ต้นจันทน์เทศ มีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย โดยจัดเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 5-18 เมตร เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทาอมดำ เนื้อไม้สีนวลหอมเพราะมีน้ำมันหอมระเหย โดยต้นจันทน์เทศสามารถขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ดินที่เหมาะกับการเจริญเติบโตคือดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุสูง โดยจะเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้นโดยเฉพาะทางภาคตะวันออกและทางภาคใต้ของไทย สามารถขึ้นได้ในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 900 เมตร และนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ในปัจจุบันพบว่ามีการปลูกทั่วไปในเขตเมืองร้อน ในประเทศไทยจะพบได้มากทางภาคใต้
ใบจันทน์เทศ ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรีหรือรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 4-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร เนื้อใบแข็ง หลังใบเรียบเป็นมันและเป็นสีเขียวอมสีเหลืองอ่อน ส่วนท้องใบเรียบและเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนก้านใบยาวประมาณ 6-12 มิลลิเมตร
ดอกจันทน์เทศ ออกดอกเป็นช่อ ช่อละประมาณ 2-3 ดอก หรือออกเป็นดอกเดี่ยว โดยจะออกตามซอกใบ ดอกเป็นสีเหลืองอ่อน กลีบดอกเชื่อมติดกัน ดอกเป็นรูปคนโทคว่ำ ปลายกลีบแยกออกเป็น 4 แฉกแหลม ดอกเป็นแบบแยกเพศกันอยู่คนละต้น ช่อดอกเพศผู้ยาวประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเหลืองอมขาว ลักษณะเป็นรูปไข่กลมรี ยาวประมาณ 6 มิลลิเมตร ส่วนอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่า ดอกเพศผู้จะเกิดเป็นกลุ่ม ๆ ส่วนดอกเพศเมียจะเกิดเป็นดอกเดี่ยว และดอกเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าดอกเพศผู้ โดยต้นตัวเมียเท่านั้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ส่วนต้นเพศผู้จะปลูกไว้เพื่อผสมเกสรกับต้นตัวเมียเท่านั้น โดยมักจะปลูกต้นตัวผู้และต้นตัวเมียในอัตราส่วน 1 : 10 เท่านั้น