กรามช้าง สรรพคุณและประโยชน์
กรามช้าง ชื่อวิทยาศาสตร์ Smilax blumei A.DC. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Smilax perfoliata Blume) จัดอยู่ในวงศ์ข้าวเย็นเหนือ (SMILACACEAE)
ลักษณะของต้นกรามช้าง
ต้นกรามช้าง จัดเป็นไม้เลื้อยขนาดใหญ่ มีความยาวได้ถึง 10 เมตร กิ่งก้านเรียวมีหนาม
ใบกรามช้าง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมรูปวงรีถึงรูปไข่แกมสามเหลี่ยม ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-18 เซนติเมตรและยาวประมาณ 13-27 เซนติเมตร มีเส้นใบออกจากโคนใบไปจรดปลายใบ 5 เส้น ส่วนก้านใบเป็นสันสามเหลี่ยมมน และมีหูใบเป็นรูปไข่กลับแผ่เป็นครีบ มือเกาะยาวประมาณครึ่งหนึ่งของแผ่นใบ
ดอกกรามช้าง ออกดอกเป็นช่อ ออกเป็นคู่ ๆ ตามซอกใบ ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น โดยช่อดอกเพศผู้จะมีดอกย่อยประมาณ 30-50 ดอก ส่วนช่อดอกเพศเมียจะมีดอกย่อยประมาณ 20-40 ดอก มีกลีบรวมสีเหลืองแกมสีเขียว
ผลกรามช้าง ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกลม เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
ภาพจาก pinterest.com
สรรพคุณและประโยชน์ของกรามช้าง
- ตำรับยาแก้ทอนซิลอักเสบ ระบุให้ใช้รากกรามช้าง รากตาล และรากไผ่ นำมาฝนน้ำรับประทานเป็นยาแก้ทอนซิลอักเสบ (ราก)
- ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้หัวใต้ดินของต้นกรามช้างนำมาฝนหรือหั่นเป็นชิ้น ๆ โดยใช้ครั้งละ 2-3 ชิ้น นำมาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง เป็นยาแก้ท้องเสีย (หัว)
- ตำรับยารักษารำมะนาดระบุให้ใช้รากกรามช้าง รากเกล็ดลิ่น รากชุมเห็ดเล็ก รากชุมเห็ดเทศ รากงิ้ว รากถั่วพู รากแตงเถื่อน รากฟักข้าว รากปอขาว ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว เครือข้าวเย็น ต้นกระไดลิง ต้นมะกอกเผือก นำมาฝนกับน้ำซาวข้าวเจ้ากินรักษารำมะนาด (ราก)
- ตำรับยาผีเครือเหลือง ระบุให้ใช้รากกรามช้าง รากก่อเผือก รากคำแสนซีก รากไค้ตีนกรอง รากช่ำ รากเล็บเหยี่ยว รากมะพร้าว รากมะตูมป่า แก่นชมพู่ แก่นจันทน์แดง แก่นศรีคันไชย แก่นหาดเยือง ข้าวเย็น เขาเลียงผา ต้นกระไดลิง ต้นหมากขี้แรด นอแรดเครือ ว่านกีบแรด นำมาฝนกับน้ำข้าวเจ้ากินเป็นยาผีเครือเหลือง (ราก)
ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , medthai
ภาพจาก : medthai