ขนมครกชาววัง ขนมไทย

วิธีทำ ขนมครกชาววัง1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก

ขนมไทย..ขนมครกชาววัง

วิธีทำตัวแป้งขนมครก

ส่วนผสม ขนมครกชาววัง

  • แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม
  • น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง
  • น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
  • น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ

ภาพจาก wongnai.com

วิธีผสมแป้ง ขนมครกชาววัง

ค่อย ๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมกับน้ำสะอาด น้ำปูนใส คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นเติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากันดี

วิธีทำกะทิหน้าขนมครก

ส่วนผสม ขนมครกชาววัง

  • หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
  • หางกะทิ 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า

ผสมหัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก

ภาพจาก youtube.com / ครัวแล้วแต่เอ๋จ้าา (Official)

วิธีทำ ขนมครกชาววัง

1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่

2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า

3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที

4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ

อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก

  • เครื่องโม่แป้ง (ในกรณีทำแป้งสด)
  • เบ้าขนมครก
  • กาสำหรับหยอดแป้ง
  • ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว)
  • ช้อนสำหรับแคะขนมครก


เคล็ดลับความอร่อย

1. น้ำมันพืชที่ใช้เช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม ชวนให้น่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังทำให้ผิวขนมครกมีสีสวย

2. ภาชนะใส่ขนมครก ไม่ควรใช้โฟม เนื่องจากมีสารเมลามีน ก่อให้เกิดมะเร็ง ควรเป็นจานกระดาษ หรือรองด้วยใบตอง หรือหากจำเป็นต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรมีใบตองวางทับไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ขนมครกติดกัน

3. เบ้าขนมครก มีทั้งที่ผลิตจากเหล็ก และสเตนเลส ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน ส่งผลด้านความสวยงาม แต่ไม่ส่งผลต่อรสชาติแต่อย่างใด

ขอบคุณ ที่มา : gotoknow ภาพจาก : tansthai