คอลัมน์ : Tech Times ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ดูจะได้ดิบได้ดีช่วงโควิด คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เพราะยอดขายพุ่งขึ้นกว่าสองเท่าแม้จะมีปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลกก็ตาม
จากรายงานของ LMC Automotive ยอดขายรถไฟฟ้า (electric vehicles-EV) อยู่ที่ 4.5 ล้านคันทั่วโลกในปี 2021 โดยเพิ่มจาก 2.1 ล้านคันในปีก่อนหน้า แม้จะคิดเป็นแค่ 6.3% ของตลาดรถทั้งหมด แต่ก็มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องสวนทางตลาดรถทั่วไปที่มียอดลดลงจาก 80 ล้านในปี 2019 หรือก่อนหน้าที่จะมีโรคระบาดมาเป็น 72 ล้านคันทั่วโลกในปี 2021
อัล เบดเวลล์ ผู้อำนวยการของ LMC Automotive บอกว่า ที่รถ EV ขายดีสวนกระแสอุตสาหกรรมรถทั่วไปมาจากการที่รัฐบาลหลายแห่งมีมาตรการจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เช่น ในเยอรมนีให้สิทธิลดหย่อนภาษี 9,000-40,000 ยูโรแก่คนที่ซื้อรถ EV ใหม่ ทำให้ทั้งประเทศมีรถไฟฟ้าถึง 14% ของจำนวนรถทั้งหมด
ในขณะที่บริษัทรถยนต์ก็เร่งผลิตรถ EV อย่างต่อเนื่องเพราะต้องทำ emissions credits ให้ได้ตามเป้าหากไม่อยากโดนปรับ เช่น ใน EU กำหนดให้บริษัทรถยนต์ต้องลดการปล่อยก๊าซ CO2 ให้ได้ 15% ภายในปี 2025 และ 37.5% ในปี 2030 หากบริษัทไหนทำไม่ได้ตามเป้าก็ต้องเจอโทษปรับ
ทั้งนี้ EU ตั้งเป้าหมายระยะยาวไว้ว่า ภายในปี 2035 ทุกประเทศในสหภาพยุโรปจะต้องไม่มีการขายรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอีกต่อไป
ในขณะที่ยุโรปและจีนโปรโมตให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ากันขนานใหญ่ จนรถ EV มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ประมาณ 10-12% มหาอำนาจอย่างสหรัฐกลับล้าหลัง โดยรถไฟฟ้ามีสัดส่วนทางตลาดแค่ 3% ของยอดขายรถทั้งหมด
สาเหตุมาจากการที่สหรัฐตั้งเป้า emission targets ค่อนข้างต่ำ ประกอบกับผู้บริโภคชาวอเมริกันเองก็ไม่อยากยุ่งยากในการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า เพราะมันไม่ใช่แค่เปลี่ยนยานพาหนะแต่หมายถึงการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันหลายอย่างด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดกันว่าตลาดรถ EV ในสหรัฐน่าจะคึกคักขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะค่ายรถชั้นนำทั้ง Ford GM และ Rivian ต่างเหยียบคันเร่งไล่กวดแชมป์อย่าง Tesla กันเต็มสูบ ทำให้ประเมินว่ามาร์เก็ตแชร์รถไฟฟ้าในสหรัฐน่าจะขยับขึ้นเป็น 10% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
จากข้อมูลของ LMC Automotive ปีที่ผ่านมา Tesla รุ่น Model 3 ครองแชมป์รถไฟฟ้าที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก โดยมียอดขายอยู่ที่ 540,000 คัน แต่หากรวมรถรุ่นอื่นของบริษัทด้วย Tesla มียอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ 936,000 คันในปี 2021 และทำให้บริษัทมีมูลค่าในตลาดหุ้นสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
คู่แข่งที่น่ากลัวของ Tesla คือ Volkswagen Group ซึ่งเป็นเจ้าของรถไฮเอนด์อย่าง Porsche Audi และ Skoda ก็มียอดขายไม่น้อย หรืออยู่ที่ 453,000 คันในปี 2021 บริษัทมีแผนจะผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยกันงบประมาณไว้ถึง 1 แสนล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบัน Volkswagen Group ถือเป็นผู้นำมาร์เก็ตแชร์รถไฟฟ้าในยุโรป
ส่วนเอเชียก็มีตลาดจีนที่มาแรงไม่แพ้ใคร โดยรถไฟฟ้ารุ่น Hong Guang Mini EV ที่ร่วมผลิตโดยค่ายรถเบอร์ 1 ของจีนอย่าง SAIC กับ GM ครองแชมป์รถไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในจีน และมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ทั่วโลกในปี 2021
สำหรับปีนี้ UBS คาดว่ายอดขายรถ EV น่าจะเพิ่มถึง 75% เป็น 8 ล้านคันทั่วโลก
ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายรถไฟฟ้าในฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ จะคิดเป็น 60% ของยอดขายรถทั้งหมดภายในสิ้นทศวรรษนี้ ในขณะที่สัดส่วนยอดขายในจีนและสหรัฐน่าจะอยู่ที่ประมาณ 35% ทำให้เชื่อว่าตลาดรถไฟฟ้ายังมีโอกาสเติบโตสูง
การที่ประเทศต่าง ๆ กว่า 120 ประเทศให้คำมั่นระหว่างการประชุมโลกร้อนเมื่อปลายปีที่แล้วว่าจะช่วยกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มสูงเกินกว่า 1.5 องศา
โดยมีอย่างน้อย 30 ประเทศ รวมถึงค่ายรถยนต์ชั้นนำอีก 6 ค่าย (GM, Ford, Mercedes, BYD, VOLVO และ JLR) รับปากว่ารถที่ผลิตใหม่ทุกคันตั้งแต่ปี 2040 จะเป็นรถที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็ทำให้น่าจะได้เห็นการออกนโยบาย มาตรการจูงใจ และแคมเปญทางการตลาดที่ทำให้คนอยากเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน
อ่านข่าวต้นฉบับ: รถ EV บนเส้นทางที่สดใส