ความอ้วน ไขมันมากเป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนไม่ต้องการ แต่สิ่งไหนที่เราไม่ต้องการสิ่งนั้นมักจะอยู่กับเราเสมอซึ่งเจ้าไขมันก็เช่นเดียวกัน ไขมันนั้นนอกจากจะทำให้เราดูอ้วน ไม่สวยแล้วยังทำให้เกิดโรคต่างๆ อีกมากมาย วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับสลายไขมันมาฝากคุณสาวๆ กันค่ะ
1. การเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเราแนะนำให้ไปเพาะกล้ามนะคะ ลึกลงไปภายใต้ผิวหนังของเราจะมีมัดกล้ามเนื้อ (และชั้นไขมัน) แทรกตัวอยู่ มัดกล้ามเนื้อเหล่านี้จะมีหน้าที่ยืด หด หด ยืด ทำให้ร่างกาย แขน ขา เกิดการเคลื่อนไหวตามที่สมองสั่งการ ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อของเราก็จะฝ่อตัวลงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ !!!
ดังนั้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อก็คือการทำให้มัดกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีปริมาณมากขึ้น อาจจะด้วยการออกแรงยกดัมเบลล์อาทิตย์ละ 2 ครั้ง หรือถ้าใครพอจะมีเวลาไปยิม ก็สามารถเลือกเล่นเครื่องเล่นต้านแรงต่าง ๆ รวมทั้งการบริโภคอาหารที่มีโปรตีนที่ดี เช่น ไข่ขาว เต้าหู้ หรือเนื้อปลา อย่างพอเหมาะ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายแต่ละส่วนสมบูรณ์ขึ้น
ทีนี้เวลาจะหยิบ จับ ยกของ ขยับแขนขาก็ทำได้อย่างแข็งแรง และเมื่อมวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงแล้ว แม้แต่ในเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายก็จะมีอัตราการเผาผลาญที่ดีขึ้นจดจำไว้ให้ขึ้นใจเลยนะคะว่า "กล้ามเนื้อนี่แหละคะ คือตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดถึงระบบเผาผลาญพลังงานจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ซึ่งถือเป็นหัวใจของการลดน้ำหนัก"
2. แค่ขยับ ก็เท่ากับการออกกำลังกาย ไม่ได้แนะนำให้คุณผู้อ่านเดินไปพร้อมกับการสะบัดมือ หมุนคอ หมุนเอวนะคะ ถ้าบอกว่าการลดน้ำหนักต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเอง เช่น เดินระยะสั้น ๆ หรือปั่นจักรยาน แทนการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ และที่สำคัญคือการหาเวลาเพื่อออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน การเดินเร็ว การวิ่งจ๊อกกิ้ง การว่ายน้ำ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที เราเข้าใจค่ะว่าไม่มีคนอ้วนคนไหนมีความสุขกับการวิ่งออกกำลังกาย แต่ถ้าคิดจะลดน้ำหนักมันก็จำเป็นต้องทำค่ะ
3. รับประทานให้ครบทุกมื้อตามปกติ อย่าอดอาหารเป็นอันขาด !! ทุกตำราที่ผ่านมาสอนมาว่าให้รับประทานน้อย ๆ ออกกำลังกายเยอะ ๆ จะช่วยลดน้ำหนักได้ ทำไมตำรานี้มาบอกให้ฉันอย่าอดอาหาร !!! ฟังดูอาจจะเพี้ยน ๆ หน่อยนะคะ แต่สามารถอธิบายได้ดังนี้ ร่างกายของคนเราก็ไม่ต่างจากหลอดไฟ เมื่อเรารับประทานอาหารไม่เพียงพอ มีเชื้อเพลิงให้ร่างกายได้เผาผลาญน้อย เซลล์หรือไส้หลอดของหลอดไฟก็จะไม่เผาไหม้สว่างไสว ดังนั้นจะเป็นการดี ถ้าเราแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 4-5 มื้อต่อวัน และทิ้งระยะให้ห่างกัน สามถึงสี่ชั่วโมงต่อมื้อ ก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น และช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย
4. ลดความหวานบ้างอะไรบ้าง เมื่อใดก็ตามที่คุณรับน้ำตาลเข้าไป ระบบการเผาผลาญจะถูกสับสวิตช์เปลี่ยนช่องไปเป็นระบบเก็บกักไขมันแทน ดังนั้นลดความหวานได้ อย่าลืมนะคะ ชีวิตเราขาดความหวานได้ แต่ขาดความรักไม่ได้
5. คิดอะไรไม่ออกให้ดื่มชาเขียว เชื่อหรือไม่คะว่า มีวิธีที่ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกายหลากหลายวิธีที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายมากนัก เช่น การดื่มกาแฟ ซึ่งเป็นการรับสารนิโคตินสู่ร่างกาย ดังนั้นแทนที่จะดื่มเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีนมาก ๆ แล้วต้องพบกับผลข้างเคียงที่ค่อนข้างอันตราย ให้ลองเปลี่ยนมาบริโภคเครื่องดื่มชาเขียวร้อนแทน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้นานกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่ากาแฟเสียอีก
6. ไม่อดอาหารเช้า เป็นความจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงเท่าไหร่เลยว่า คนที่กินอาหารเช้าที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำมักจะหุ่นดีสมส่วนกว่าพวกที่ไม่กิน ถ้าหากคุณจะกินอาหารเช้าที่เป็นสลัดผักหรือว่าข้าวซ้อมมือ อาหารแบบนี้แหละที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ทั้งยังมีเส้นใยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่นด้วยค่ะ
7. กินเผ็ดเข้าไว้ คงไม่ต้องถึงกับเติมพริกป่นกันจนควันออกหู ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่คะว่าอาหารเผ็ด ๆ นี่แหละ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูเถอะว่าใครบ้างในวงข้าวของคุณที่กินเผ็ดแล้วเหงื่อแตกพลั่ก ๆ นั่นแหละกระบวนการเผาผลาญของเขากำลังทำงานอย่างหนักอยู่
8. หลีกเลี่ยงความเครียด ความเครียดสามารถเพิ่มน้ำหนักให้เราได้คะ เนื่องจากความเครียดทางร่างกายและจิตใจ จะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอลออกมา ซึ่งเจ้าสารนี้จะมีอำนาจในการชะลอกระบวนการเผาผลาญในร่างกายให้ช้าลงด้วย เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เครียดหรือเครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
9. นอนหลับมาก ๆ มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับแล้วคะ ว่าใครก็ตามที่นอนน้อยกว่าวันละ 7 หรือ 8 ชั่วโมงจะมีโอกาสน้ำหนักขึ้นได้มากนั่นเอง
ดังนั้น ระหว่างช่วงการลดน้ำหนัก นอกจากควรจะมีการจำกัดเรื่องอาหารแล้ว เราจำเป็นจะต้องบริหารเวลาด้วยการออกกำลังกาย สลับกับวันพักผ่อนคลายกล้ามเนื้อ นอนพัก ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอและเหมาะสมต่อร่างกาย ลองเริ่มทำกันดูคะ รับรองว่าถ้าตั้งใจจริง ๆ คงไม่ต้องมานั่งเจ็บกระดองใจกับคำพูดของสามีอีกแน่นอน
ขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร แม่บ้าน ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต