สูตรผิวสวยด้วยกะทิ

เรื่องผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้หญิงเรา ผู้หญิงจึงหันมาใส่ใจ ใฝ่หาเคล็ดลับดีดีในการบำรุงผิวพรรณกัน เคล็ดลับดีดีจากสิ่งรอบตัว จากวัตถุดิบในธรรมชาติ มีมากมาย สำหรับวันนี้ มีเคล็ดลับการดูแลผิว เพื่อลดความแห้งกร้าน ด่างดำของผิว จาก “กะทิ” วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มักมีติดบ้านกันอยู่แล้วนะคะ

ภาพจาก ladytips.com

สูตรผิวสวยด้วยกะทิ

เรื่องผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้หญิงเรา ผู้หญิงจึงหันมาใส่ใจ ใฝ่หาเคล็ดลับดีดีในการบำรุงผิวพรรณกัน เคล็ดลับดีดีจากสิ่งรอบตัว จากวัตถุดิบในธรรมชาติ มีมากมาย สำหรับวันนี้ มีเคล็ดลับการดูแลผิว เพื่อลดความแห้งกร้าน ด่างดำของผิว จาก “กะทิ” วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มักมีติดบ้านกันอยู่แล้วนะคะ

ครีมอาบน้ำกะทิ เพื่อให้ผิวสวยนุ่มชุ่มชื้น เพียงแค่นำ กะทิ ¼ ถ้วย มาผสมกับสบู่เหลว 1/3 ถ้วย เติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วใช้ชำระล้างร่างกายตามปกติ เพียงเท่านี้ ผิวขาวเนียนนุ่มก็จะเป็นของคุณแล้วค่ะ

สครับกะทิ เป็นสูตรสำหรับลดปัญหาสีผิวหมองคล้ำ ด้วยการนำกระทะ ½ ถ้วย น้ำตาล ½ ถ้วย และน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ (หากน้ำมันมะพร้าวแข็งให้ทำการละลายด้วยไมโครเวฟก่อน) มาผสมให้เข้ากัน จัดการสครับผิวเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไป ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผิวกายของคุณก็จะขาวใสสม่ำเสมอ

อาบน้ำแร่แช่กะทิ การอาบน้ำแร่แช่น้ำนม ทำให้สาวๆติดใจในผลลัพธ์เพียงใด การแช่น้ำกะทิก็ให้ผลที่ไม่แพ้กัน เพียงนำข้าวโอ๊ตบดละเอียด ½ ถ้วย และกะทิ 1-2 ถ้วย ใส่ลงในอ่างน้ำมี่มีน้ำสะอาดอยู่ประมาณครึ่งอ่าง เติมน้ำผึ้งลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ให้มือตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วลงไปนอนแช่กะทิให้สบายกาย สบายอารมณ์ เท่านี้คุณก็จะมีผิวสวยเนียน ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

มาส์กกะทิ เมืองไทยเรา เป็นเมืองร้อน ซึ่งแสงแดดเป็นตัวที่ส่งผลต่อผิวพรรณของสาวๆ เป็นอย่างมาก กับการที่ต้องเผชิญกับรังสี UV จนทำให้ผิวไหม้เป็นรอยแดง และจะดำในที่สุด เราสามารถลดรอยด่างดำจากการถูกแสงแดดเผาไหม้นี้ได้ ด้วยการชโลมกะทิลงบนผิวตรงบริเวณที่ถูกแดดเผา ทิ้งไว้ข้ามคืน เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่ หลังจากตื่นนอน ล้างออกด้วยน้ำเย็น หมั่นทำเป็นประจำทุกวัน...ผิวแห้งกร้านและรอยไหม้จะกลับมาขาวเนียนดูดีมีออร่า

สำหรับสาวๆ ที่รังเกียจกะทิ เพราะคิดว่าเป็นสาเหตุของความอ้วน เห็นคุณค่าของกะทิเกี่ยวกับความสวยความงามแล้ว คงหันมารักกะทิมากขึ้นนะคะ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร  SPICY