ทรงผมย้อนยุคผู้หญิงจีนโบราณ

ทรงผมย้อนยุคผู้หญิงจีนโบราณ

ทรงผมของผู้หญิงจีนโบราณเป็นอะไรที่คนรุ่นใหม่อย่างเราต้องมองกันด้วยความทึ่ง เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนประดิดประดอยทรงผมอลังการงานสร้างแบบนี้ออกมาเดินถนนกันได้ แต่พวกเธอทำได้จริงๆ และทำติดต่อกันมาเป็นร้อยๆปีแล้วด้วย

ในยุคที่เพิ่งก่อตั้งชาติจีนใหม่ๆ ทรงผมของชาวจีนยังไม่พิสดารล้านเจ็ดอะไร ผู้ชายจะใช้ผ้าโพกผมหรือไม่ก็สวมหมวกทรงกลมๆ ทับบนผมที่มัดไว้อย่างแน่นหนา เพื่อไม่ให้ร่วงลงมาเกะกะเวลาล่าสัตว์เท่านั้นเอง ส่วนผู้หญิงจะมัดเป็นมวยง่ายๆ แล้วใช้ปิ่นที่ทำจากกระดูกตรึงผมไว้ จนกระทั่งชาติจีนรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น ผู้คนกินดีอยู่ดีมีบ้านเรือนเป็นหลักแหล่ง ผู้หญิงจึงได้เริ่มใส่ใจเรื่องความสวยความงามกันมากขึ้น อย่างเช่นในสมัยของฉินซีฮ่องเต้ สตรีในราชสำนักต่างก็เกล้าผมประชันกันเต็มที่ โดยเอาไอเดียมาจากภาพวาดเทพธิดา ทุกนางเลยทำผลเกล้ามวยสูง ประดับประดาตระการตาเป็นนางฟ้า เทวดากันทั้งวัง ยิ่งมาถึงสมัยถังซึ่งเป็นยุคแห่งความเจริญสูงสุด ทรงผมของผู้หญิงก็ยิ่งมีลูกเล่นและมีการครีเอททรงใหม่ๆ ออกมาอีกนับร้อยทรงจนสามารถรวบรวมเป็นตำราได้เล่มหนึ่งเต็มๆ ชื่อว่า " บันทึกประเภทของมวยผม"

ทรงผมมาตรฐาน 6 แบบ ที่สตรีชาวจีน สมัยโบราณนิยมทำกัน

1.ทรงเกล้ามวยสูง เอามาจากความเชื่อของชาวจีนว่าเหล่านางฟ้าในตำหนักเทพบนสวรรค์จะเกล้าผมสูงเพื่อเพิ่มความสง่างามให้ดูแตกต่างจากมนุษย์โลก สาวชาววังชั้นพระมเหสี นางสนม และสตรีชั้นสูงเลยทำเลียนแบบบ้าง โดยดัดแปลงไปตามความชอบของแต่ละคน ที่ฮิตๆ กันมีอยู่ไม่กี่แบบเช่น ทำยอดผมตั้งสูงขึ้นไปตรงๆบ้าง ก็ลาดเอียงแยกออกไปสองข้าง หรือบางแบบก็ทำผมให้เป็นเกลียวห้อยลงมา แล้วตกแต่งด้วยเครื่องประดับประเภทไข่มุก ปิ่นหยก ปิ่นทองคำ โดยแข่งกันเรื่องความสูง ยิ่งเกล้ามวยได้สูงจะถือว่ายิ่งสวย แต่ทรงนี้สาวๆชาวบ้านไม่นิยมทำเพราะทำยาก กว่าจะเสร็จต้องใช้ผมปลอมช่วยเป็นสิบๆ ปอย ซ้ำยังเดินเหินข้างนอกลำบาก ต้องประคับประคองทรงผมกันตอดเวลา

2. ผมแบบขด ทรงผมนี้ถูกครีเอทขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น เจ้าของความคิดเป็นสาวชาววังของแคว้นเว่ยคนหนึ่งที่ไปเห็น งูเขียวกำลังขดตัวอยู่ในวัง เลยเก็บไอเดียมาทำเป็นทรงผม ตั้งชื่อว่า " ว่ามวยผมวิญญาณงู" ตามลักษณะของทรงผมที่ขดไปขดมาเหมือนงูขดตัวพันยอดไม้ หลังจากนั้นก็มีคนประยุกต์ไปอีกหลายแบบ เพราะเป็นทรงที่ทำง่าย จะขดม้วนอยู่กลางศีรษะก็ดูดี จะขดยื่นออกมาด้านหน้าหรือด้านข้างก็กิ๊บเก๋ทั้งนั้น สาวๆสมัยนั้นจึงนิยมกันมาก

3.ทรงก้นหอย จากภาพวาด รูปปั้นแกะสลัก และหนังสือนิยาย ทำให้รู้ว่าผมทรงก้นหอยอินเทรนด์มากในสมัยราชวงศ์ถัง เวลาจะเกล้าผมทรงนี้ต้องค่อยๆ ขดผมขึ้นไปเป็นชั้นๆ หรือใช้ลวดเหล็กช่วยม้วนผม ให้เป็นทรง จากนั้นก็ถักให้เป็นลักษณะของก้นหอยอีกทีหนึ่ง

4.ทรงผมแบบมวยย้อน ผมทรงนี้คือสุดยอดทรงผมที่อิตกันระเบิดระเบ้อในสมัยเว่ยจิ้นและสมัยสุ่ยถัง แต่กว่าจะทำให้สวยได้ต้องอาศัยฝีมือและเวลาพอดู เพราะต้องรวบผมไว้ข้างหลัง มัดด้วยลวด แล้วถึงจะแบ่งผมออกเป็นมวยเล็กๆตามใจชอบ ถ้าแบ่งให้เหมือนนกกระพือปีกก็เรียกว่า ทรง" มวยผมห่านฟ้า" ถ้าทำให้เหมือนใบมีดก็เรียกว่า "ทรงมีดคว่ำ" หรือถ้าทำเป็นหลายแฉกคล้ายกลีบดอกไม้ก็จะเรียกว่า "ทรงร้อยดอกไม้" เป็นต้น

5.ทรงกระดูกสันหลัง ผมทรงกระดูกสันหลังจัดว่าเรียบง่ายที่สุดในบรรดาผมทุกทรงที่เล่ามา เพราะเป็นเพียงการเกล้ามวยสูงต่ำลดหลั่นกัน 2-3 มวย เอียงไปด้านหน้าหรือด้านหลังนิดหน่อย จากนั้นก็รัดด้วยขนแพะหรือลวด แล้วใช้ปิ่นปักผมยึดไว้ไม่ให้มวยร่วงลงมา เป็นอันเสร็จพิธี

6.มวยผมแบบแกละ ผมทรงนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากสมัยฉิน แล้วสาวๆก็ทำกันเรื่อยมาทุกยุคสมัย แต่เปลี่ยนชื่อไปตามลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมา เช่น "มวยผมง่ามคู่" "มวยผมรูบาก" คนที่นิยมทำทรงนี้มากที่สุดได้แก่สาวใช้ในราชสำนัก เพราะทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน แต่ดูดีเหมาะกับสาววัยรุ่น พอสาวใช้ออกมาซื้อของนอกวังสาวชาวบ้านเห็นเข้าก็ทำตามบ้าง จนกลายเป็นทรงฮิตติดลมของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยไปในที่สุด

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares