เมื่อพูดถึงความอิสระในโลกของภาพยนตร์นั้น เรียกว่าแทบไม่มีขีดจำกันในการสร้างสรรค์จินตนาการต่าง ๆ ให้เป็นไปได้ ซึ่งเราที่เป็นคนชมภาพยนตร์คงได้เห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นมามากมายในโลกของภาพยนตร์ หนึ่งในนั้นคือความพยายามในการหยิบการ์ตูนหรืออนิเมะมาทำเป็นภาพยนตร์ เพื่อขยายตลาดความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นรูปร่างจับต้องได้ แบบที่ทาง ‘Marvel Studios’ หยิบเหล่าซูเปอร์ฮีโรมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งวัตถุดิบชั้นดีในการหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ก็คือเหล่าการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นก็คือการ์ตูนระดับตำนานอย่าง ‘Dragon Ball’ ที่สร้างปรากฏการณ์ให้ชาวต่างชาติที่ได้ชมอนิเมะเรื่องนี้ต่างชื่นชอบหลงรัก จนทาง ‘20th Century Fox’ หยิบภาพยนตร์เรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ ‘Dragonball Evolution’ แต่สิ่งที่ปรากฏออกมาสู่สายตาแฟน ๆ คือความผิดพลาดล้มเหลว จนถูกสาปส่งจากคนที่เป็นแฟนการ์ตูนและคนชมภาพยนตร์จนไม่เหลือชิ้นดี และในโอกาสครบรอบ 13 ปีภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ เรามาทบทวนทำความรู้จักและดูมุมองต่าง ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้กัน ว่ามันเลวร้ายขนาดไหนคนดูในยุคนั้นถึงพร้อมใจกันสาปส่งขนาดนี้ มาดูไปพร้อมกันเลย
ทำความรู้จัก Dragonball Evolution ภาพยนตร์จากการ์ตูนชื่อดัง
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1995 แจ็กกี ชาน (Jackie Chan) หรือ เฉินหลง ที่เรารู้จักเคยมีความคิดในการหยิบการ์ตูนในตำนานที่ตัวเองชอบอย่าง ‘Dragon Ball’ มาดัดแปลงเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์คนแสดง แต่ด้วยงบประมาณในการถ่ายรวมถึงการดัดแปลงที่น่าจะใช้งบประมาณที่สูง โครงการนี้จึงไม่ถูกสานต่อจนในปี 2002 ทาง ‘20th Century Fox’ ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์ ‘Dragon Ball’ มาสร้างเป็นภาพยนตร์ ก่อนจะค้นหาผู้กำกับคนเขียนบทมากมายหลายคนมารับหน้าที่นี้ โดยกว่าบทภาพยนตร์จะถูกใช้ในการถ่ายทำต้องผ่านการแก้ไขมาแล้วถึง 5 ครั้ง โดยมี เบน แรมซีย์ (Ben Ramsey) เป็นผู้เขียนบท และได้ผู้กำกับอย่าง เจมส์ หว่อง (James Wong) มาขัดเกลาบทในช่วงสุดท้ายก่อนถ่ายทำ ซึ่งเมื่อตัวภาพยนตร์ออกฉายแฟนการ์ตูนที่ต่างคาดหวังก็ต้องผิดหวัง เหมือนคนนั่งไฟเหาะที่ทิ้งดิ่งลงมาจากความสูง กับรายได้รวมทั่วโลกราว ๆ 58.2 ล้านดอลลาร์ กับงบประมาณในการ 30 ล้านดอลลาร์ที่เรียกว่าขาดทุนยับเยิน (ภาพยนตร์จะได้กำไรต่อเมื่อรายได้ต้องมากกว่าทุมสร้างหนึ่งเท่าตัว) ซึ่งถ้าคุณไปถามคนที่ดูเรื่องนี้มาแล้วทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผิดหวัง” พอ ๆ กับความรู้สึกที่ได้ดู ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ เลยทีเดียว
เนื้อเรื่องย่อ Dragonball Evolution
เรื่องราวใน ‘Dragonball Evolution’ จะอ้างอิงเรื่องราวในการ์ตูน ‘Dragon Ball’ ช่วงสุดท้ายของ โกคู (Goku) ในตอนเด็ก ช่วงที่ต้องต่อสู้กับราชาปีศาจ พิคโกโร่ (Piccolo) มาดัดแปลงให้ร่วมสมัย โดยการบอกเล่าเรื่องราวเมื่อ 2000 ปีก่อนราชาปีศาจพิคโกโร่ได้ลงมายังโลกเพื่อสร้างหายนะ จนมหาบุรุษ โอซารุ (Ozaru) และผู้วิเศษทั้ง 7 ได้สร้างลูกแก้วมังกรทั้ง 7 ลูกขึ้นมาเพื่อปิดผนึกพลังของราชาปีศาจตนนี้เอาไว้กับราชามังกร มาฟูบา (Mafuba) วันเวลาผ่านไปราชาปีศาจได้ตื่นจากการหลับใหล และต้องการลูกแก้วมังกรเพื่อเอาพลังที่ถูกผนึกกลับมา ตัดมาที่ปัจจุบันหนุ่มน้อย โกคู (Goku) แต่เสียงพากย์ไทยเรียก โงกุน ที่อยู่กับคุณปู่ในวันครบรอบ 18 ปีคุณปู่ได้ให้ลูกแก้ว 4 ดาวกับเขา พร้อมกับบอกถึงความสำคัญของลูกแก้วนี้ ก่อนที่ปู่จะถูกราชาปีศาจพิโกโร่ฆ่าตาย โกคูจึงต้องออกตามหา ‘Dragon Ball’ โดยเบาะแสสุดท้ายที่ปู่บอกคือผู้เฒ่าเต่าที่จะช่วยเขาตามหาลูกแก้วมังกรได้ พร้อมกับหญิงสาวปริศนาที่กำลังตามหาลูกแก้วมังกรเช่นกัน การเดินทางเพื่อช่วยโลกจึงเริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น
ความย้อนแย้งใน Dragonball Evolution ที่ขัดใจแฟนการ์ตูน
ต่อเนื่องจากหัวข้อก่อนหน้านี้ ที่ถ้าใครซึ่งไม่เคยดูภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ มาก่อน คงจะคิดว่าเรื่องราวในภาพยนตร์แม้จะไม่เหมือนต้นฉบับ แต่ก็ยังมีความคล้ายอยู่บ้างหลายส่วน ซึ่งนั่นเป็นเพียงโครงเรื่องหลักเท่านั้น เพราะรายละเอียดแบบเจาะลึกที่ขัดใจแฟน ๆ นั้นมีเยอะมาก ๆ เริ่มจากเนื้อเรื่องที่ถูกเปลี่ยนตัวละครโกคูของเรา ให้เป็นเด็กนักเรียนธรรมดาที่ถูกเพื่อนแกล้งมีสาวที่ตัวเองชอบ แต่ต้องปกปิดความเก่งของตนเองเพราะปู่สั่ง นี่ยังไม่นับความหื่นที่วัน ๆ คิดถึงแต่เรื่องผู้หญิง ตัวโกคูที่ไม่มีหาง ลูกแก้วมังกรที่ไม่ได้มีไว้ขอพรแต่มีไว้ผนึกปีศาจ นี่ยังไม่นับการต่อสู้ที่ตัวของโกคูนั้นแทบไม่มีความเก่งอะไรเลย แต่สุดท้ายก็สามารถเอาชนะตัวร้ายสุดแกร่งได้ด้วยพลังแห่งความรัก เหมือนเรากำลังดูชีวิตวัยรุ่นของอเมริกาซึ่งไม่มีกลิ่นอายความเป็น ‘Dragon Ball’ อยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับ ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ที่พยายามใส่ความเป็นเกมลงไปในภาพยนตร์ แต่ ‘Dragonball Evolution’ คือความพยายามทำตรงข้ามกับการ์ตูนทุกอย่าง (ย้ำว่าทุกอย่าง) ที่ถ้าไม่แปะชื่อ ‘Dragon Ball’ คนมาดูก็อาจจะไม่รู้ว่านี่คือภาพยนตร์ที่สร้างมาจาก ‘Dragon Ball’ เลยก็ว่าได้ ใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำให้ไปหามาดูเอง เพราะสิบปากบ่นไม่สู้ไปดูด้วยตาตัวเอง แล้วคุณจะเข้าใจในสิ่งที่บทความนี้สื่อ
Ben Ramsey ผู้เขียนบท Dragonball Evolution ที่ไม่เคยรู้จัก Dragonball
เมื่อตัวภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ ออกมาเละขนาดนี้ สิ่งที่เราต้องไปดูเป็นเรื่องต่อมาคือผู้กำกับและคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่บทภาพยนตร์ทั้งหมดมาจากปลายปากกาของ เบน แรมซีย์ คนเขียนบทที่มีผลงานอย่าง ‘The Silence of the Lambs’ ในปี 1991 จนมาถึงผลงานล่าสุดอย่าง ‘Unspoken Diary of an Assassin’ ในปี 2019 ซึ่งเมื่อตัวภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ ออกฉายและได้เสียงตอบรับในทางลบ เบนก็ออกมายอมรับว่าตนเองนั้นไม่รู้จักและเคยดูการ์ตูน ‘Dragon Ball’ มาก่อนเลย จนกลายเป็นกระแสให้ถูกต่อว่ามากขึ้นไปอีก จนเมื่อปี 2016 ทางเบนได้ออกมาขอโทษ (ภาพยนตร์ฉายในปี 2009) และยอมรับในความผิดพลาดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ ซึ่งตัวของเบนนั้นได้รับจดหมายที่แสดงความเกลียดชังจากทั่วทุกมุมโลก เรื่องของการเขียนบทภาพยนตร์ที่ไม่ตรงกับเนื้อหาในการ์ตูนเลย โดยตัวของเบนบอกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ใช่ในฐานะแฟนของแฟนการ์ตูน แต่ในฐานะนักธุรกิจที่ได้รับมอบหมายให้เขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปที่ช่วงต้นของบทความ จะทราบว่าตัวของเบนนั้นถูกสั่งให้แก้บทภาพยนตร์ใหม่ถึง 5 ครั้ง เพราะค่าใช้จ่ายในบทที่เบนเขียนนั้นเมื่อถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มันสูงเกินไป จึงเป็นไปได้ไหมว่าตัวของเบนถูกทาง ‘20th Century Fox’ สั่งแก้แบบเดียวกับที่ภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เคยโดน จนทำให้ภาพยนตร์ออกมาเป็นแบบนี้ (เป็นเพียงการคาดเดาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ยุคนี้)
James Wong ผู้ร่วมเขียนบทที่อ้างตัวว่าเป็นแฟน Dragon Ball
ถ้าตัวของเบน แรมซีย์คนเขียนบทภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ เป็นคนที่ไม่เคยดูหรืออ่านการ์ตูน ‘Dragon Ball’ ว่าแย่แล้ว มาดูคนที่อ้างว่าเป็นแฟนการ์ตูน ‘Dragon Ball’อย่าง เจมส์ หว่อง (James Wong) ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานมาแล้วอย่าง ‘Final Destination’ ภาคที่ 1 และ 3 ก่อนจะมากำกับ ‘Dragonball Evolution’ ซึ่งจากข้อมูลบอกว่าเจมส์นั้นขอมีส่วนร่วมในการเขียนบทภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ กับเบนในฐานะผู้เขียนบทร่วม แต่ไม่จะขอมีชื่อในส่วนนี้ โดยเจมส์ให้เหตุผลว่าเขาจะไม่กำกับภาพยนตร์ที่เขาไม่มีส่วนร่วมในบทนั้น ๆ ซึ่งสิ่งที่ออกมาในภาพยนตร์ก็เป็นแบบที่เราเห็น ซึ่งสิ่งที่ทำให้แฟนการ์ตูนโกรธก็คือ เจมส์อ้างว่าตนเองคือแฟนตัวของ ‘Dragon Ball’ แต่แฟนตัวยงทำแบบนี้ถือว่ารับไม่ได้อย่างแรงยิ่งว่าที่เบนทำเสียอีก
ความรู้สึกของ Akira Toriyama ที่มีต่อ Dragonball Evolution
เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านมาจนถึงจุดนี้คงจะต้องรู้สึกสงสัยแน่ ๆ ว่า แล้วคนเขียนเรื่องอย่างอาจารย์ อากิระ โทริยามะ (Akira Toriyama) เขารู้สึกอย่างไรกับภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ คำตอบสั้น ๆ ของอาจารย์บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมไม่คาดหวังอะไรกับ ‘Hollywood’ เลยว่าภาพยนตร์ ‘Dragon Ball’ จะออกมาดี” ซึ่งมันก็ไม่มีดีตามที่อาจารย์คาดเอาไว้จริง ๆ หรือจะเป็นการให้สัมภาษณ์กับสื่อ เมื่อมีคนถามถึงภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ อาจารย์ก็บอกว่า “ตัวบทมีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกและคุณลักษณะของการ์ตูนน้อยเกินไป ตัวเนื้อเรื่องก็มีเนื้อหาธรรมดาที่ไม่น่าสนใจเลย ซึ่งฉันก็เตือนพวกเขา (คนเขียนบท) พร้อมกับแนะนำการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสม แต่พวกเขาก็ดูมีความมั่นใจแปลก ๆ และไม่ฟังในสิ่งที่ฉันบอกไปเลย จนภาพยนตร์ออกฉายฉันเรียกสิ่งนี้ว่าคือ ‘Dragon Ball’ ไม่ได้จริง ๆ ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ฉันไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว” และเมื่อมีคนไปถามว่านักแสดงคนไหนที่เหมาะจะมาเล่นเป็นโกคูที่สุด อาจารย์โทริยามะส่ายหน้าและบอกว่าเขาคิดไม่ออกว่าใครจะเหมาะกับบทนี้
คะแนนวิจารณ์ของ Dragonball Evolution
คราวนี้มาดูคะแนนคำวิจารณ์จากเว็บไซต์ต่าง ๆ กันบ้างว่าเขาให้คะแนนความดีงามของภาพยนตร์ ‘Dragonball Evolution’ เท่าใด โดยเริ่มจากเว็บไซต์ ‘Rotten Tomatoes’ ที่คะแนนฝั่งนักวิจารณ์ให้มะเขือเน่า 15% ส่วนฝั่งคนดูให้เททิ้ง 20% นับว่าเลวร้ายแบบสุด ๆ ไปเลยทีเดียว ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผิดหวังกับสิ่งที่ภาพยนตร์สื่อออกมา ซึ่งไม่มีความเป็น ‘Dragon Ball’ เลย หลายเสียงออกความเห็นในเชิงไม่คาดหวังว่ามันจะออกมาดี แต่ก็ไม่ควรจะออกมาแย่ขนาดนี้ ขณะที่ทางเว็บไซต์ ‘IMDB’ ให้คะแนน 2.6 เต็ม 10 กับคำวิจารณ์ในเชิงลบแบบไม่แพ้กับฝั่ง ‘Rotten Tomatoes’ บางคนถึงกับบอกว่าเสียเวลาที่ไปนั่งดูภาพยนตร์เรื่องนี้เลยทีเดียว แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนหรือเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้ยังพูดบอกเลยว่า ภาพยนตร์ไม่สนุกแม้จะไม่แปะชื่อ ‘Dragon Ball’ ตัวภาพยนตร์ก็ยังออกมาแย่อยู่ดี
ภาคต่อ Dragonball Evolution ที่ถูกยกเลิก
ปิดท้ายกับความน่าเสียดายของแฟน ๆ ทั่วโลก เมื่อ ‘Dragonball Evolution’ ประกาศไม่สร้างภาคต่อ ทั้งที่ตอนจบของภาพยนตร์ได้ทิ้งท้ายเรื่องราวที่จะสานต่อไปยัง ‘Dragonball Evolution 2’ เอาไว้เรียบร้อย ซึ่งจากข้อมูลบอกว่าทาง ‘20th Century Fox’ มีแผนจะสร้างเรื่องราวของ ‘Dragonball Evolution’ ไปอีกอย่างน้อย 3 ภาค ซึ่งเรื่องราวในภาคต่อไปจะสานต่อองค์ประกอบมาจาก ‘Dragon Ball Z’ กับเรื่องราวการบุกโลกของ เบจิต้า (Vegeta) และการกลับชาติมาเกิดพร้อมกับการไถ่ของพิโกโร่คนลูกตามในการ์ตูน ก่อนที่ภาคต่อไปจะเป็นการบอกเล่าถึงพลังที่จะสืบทอดไปสู่ลูกชายของโกคูในอนาคต ซึ่งสคริปต์สำหรับภาคต่อไปทั้งหมดถูกเขียนขึ้นก่อนที่ภาพยนตร์จะออกฉาย ที่ตอนนี้บทดังกล่าวที่เราบอกมาทั้งหมดก็ถูกดองไปเป็นที่เรียบร้อย
ก็จบกันไปแล้วกับย้อนรอยความทรงจำ 13 ปี ‘Dragonball Evolution’ กับความทรงจำอันเลวร้ายที่แฟนการ์ตูนไม่อยากจดจำ ซึ่งใครที่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้มาแล้วคงจะเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของแฟนการ์ตูน ที่ต้องทนเห็นการ์ตูนที่เราหลงรักถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แบบไม่สนใจต้นฉบับอย่างนี้ แถมยังเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจากเดิมให้เป็นเรื่องราวใหม่ ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็ไม่มีความเป็น ‘Dragon Ball’ อยู่เลยนอกจากชื่อตัวละคร จนหลายคนสงสัยว่าทางผู้กำกับคนเขียนบทปล่อยผ่านสิ่งนี้ไปได้อย่างไร ส่วนใครที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่ออ่านบทความนี้จบก็ลองไปหามาชมกันได้ แล้วคุณจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว ว่ารู้สึกผิดหวังขนาดไหน ส่วนใครที่ดูมาแล้วและมีความรู้สึกอย่างไรก็เอามาพูดคุยกันได้เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจทั้งวงการเกมภาพยนตร์การ์ตูนก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว รับรองว่าคุณจะได้อ่านบทความแปลก ๆ ที่น่าสนใจไม่ซ้ำใครแน่นอน
The post 13 ปีภาพยนตร์ Dragonball Evolution ที่แฟน Dragon Ball ไม่อยากจดจำ appeared first on #beartai.