เจสสิก้า โรเซนวอร์เซล (Jessica Rosenworcel) ประธาน กสทช. สหรัฐฯ (FCC) เผยว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมสหรัฐฯ ได้ยื่นเรื่องขอคืนเงินในการถอดอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ของจีนออกจากเครือข่ายไร้สายของสหรัฐฯ ผ่านโครงการ “rip and replace” ถอดและแทนที่อุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อภัยความมั่นคงด้วยยอดเงินประมาณ 5,600 ล้านเหรียญ (1.84 ล้านล้านบาท) มากกว่างบที่จัดสรรไว้ที่ 1,900 ล้านเหรียญ (62,628 ล้านบาท)
พฤศจิกายน 2019 กสทช. สหรัฐฯ ได้ลงมติกำหนดให้ Huawei และ ZTE ของจีนอยู่ในรายชื่ออุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติโดยห้ามผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมในชนบทของสหรัฐฯ ใช้เงินในกองทุน Universal Service Fund มูลค่า 8,500 ล้านเหรียญ (279,191 ล้านบาท) เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือบริการของบริษัทที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว
มีนาคม 2020 ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมายเครือข่ายการสื่อสารที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ (the Secure and Trusted Communications Networks Act of 2019) เพื่อให้บริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมของสหรัฐฯ ถอดอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ออกและแทนที่ด้วยทางเลือกที่ปลอดภัย (มาตรการ Rip and Replace) ซึ่งจะมีผลต่ออุปกรณ์ที่อยู่ในบัญชีดำอย่าง Huawei และ ZTE
นอกจากนี้ กสทช. สหรัฐฯ ได้จัดตั้งโครงการให้เงินชดเชยแก่บริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นค่าใช้จ่ายในการถอดและเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อภัยความมั่นคงด้วยงบมูลค่า 1,800 ล้านเหรียญ (59,256 ล้านบาท) ต่อมาได้ปรับเพิ่มเป็น 1,900 ล้านเหรียญ (62,567 ล้านบาท)
ล่าสุดบริษัทเครือข่ายโทรคมนาคมได้ยื่นลงทะเบียนขอเงินจากกองทุนของโครงการแล้ว 181 ราย ซึ่งพึ่งปิดลงทะเบียนไปเมื่อ 28 มกราคม 2022 และยอดเงินที่ขอชดเชยมีมากกว่างบที่จัดสรรไว้ดังที่กล่าวไว้ โรเซนวอร์เซลกล่าวย้ำว่าจะเสนอต่อสภาฯ เพื่อขออนุมัติเงินทุนให้เพียงพอสำหรับเครือข่าย 5G ที่ปลอดภัยต่อไป
ที่มา : engadget
The post การเปลี่ยนอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ในสหรัฐฯ งบบาน 1.8 แสนล้านบาท appeared first on #beartai.