“อาย กมลเนตร” เล็งฝากไข่ เผื่ออนาคตอยากมีลูก แต่ตอนเห็นตรงกันกับแฟนหนุ่ม “ว่านไฉ” หลังแต่งยังไม่คิดมี อยากทำงานและเที่ยวด้วยกันก่อน ปลื้ม รายการออนไลน์ไปได้สวย
หลังจากที่นักร้องนักแต่งเพลงหนุ่ม “ว่านไฉ อคิร วงษ์เซ็ง” คุกเข่าขอหวานใจ สาว “อาย กมลเนตร” แต่งงานเมื่อช่วงกันยายนปีที่ผ่านมา และมีแพลนจัดงานกันกลางๆ ปี 65 ล่าสุด (4 ก.พ.) สาวอาย ที่มาโปรโมตละคร ยมทูตกับภูตสาว ของทางช่อง3 ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแพลนงานแต่งว่ายังเป็นไปตามเดิมหรือไม่ พร้อมเผยถึงการทำงานออนไลน์ รายการ กอมอนอ ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เดินทางมาแล้ว10 EP.แล้ว ไปได้สวยเหมือนที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า
เหมือนโควิดกำลังจะดีขึ้น แต่พอปีใหม่มีโอมิครอนมาอีก ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ทั้งงานออนไลน์ และออฟไลน์?“ก็ยังง่วนอยู่กับการทำมีเดียออนไลน์ของตัวเอง เริ่มมาตั้งแต่เดือน 10 – 11 ของปีที่แล้ว แล้วก็เป็นช่วงที่เรากำลังปั้นคอนเทนต์ การทำงานของเราเป็นการเคลื่อนตัวแบบไม่ได้ใหญ่มาก เป็นสเกลเล็กๆ มันก็เลยค่อนข้างคล่องตัว ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับโลกออนไลน์ ศึกษาคอนเทนต์ของตัวเอง คุยกับทีมแล้วก็ออกกอง ด้วยความที่มันเล็กมันก็เลยไม่ได้มีผลกระทบเยอะมากไม่เหมือนกองละครกองใหญ่ๆ”
รายการมีการเดินทาง ในส่วนของโควิดมันไม่ได้ส่งผลให้การเดินทางต้องหยุดใช่ไหม?“ตอนนี้ยังไม่ได้มีมาตรการในการห้ามเดินทางก็เลยยังสามารถทำอะไรได้แบบที่โอเค แต่ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนเราก็จะมีการเซฟตัวเองของทีมเรา ออกกองมีอยู่แค่สี่คนรวมถึงโลเกชั่นที่เราไปมันก็จะมีการตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย ก็รู้สึกว่ามันเซฟดี พอมันเป็นโปรดักชั่นของเราเอง เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะทำตรงนั้นหรือตรงนี้ ด้วยความที่สเกลมันเล็กมันก็จะเคลื่อนตัวง่ายและมันก็จะเป็นข้อดีของ กอมอนอ แล้วก็ทีม”
แล้วเป็นยังไงบ้างกับบทบาทในการเป็น Content Creator หลังมาลงมือทำจริง?“พอได้มาลงมือทำจริงๆ คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดได้แปดวันเลย เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเรา ตอนแรกที่เรายังไม่ได้เข้ามาทำจริงๆ เราจะไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างนี้ข้างหลังจะเป็นยังไง หลังบ้านเป็นยังไง คือวันนี้เราได้มาศึกษาอยู่ใน process ที่คุยกับทีม สำหรับเรามันสนุกมากถ้าเปรียบเทียบกับการทำงานออฟไลน์ เป็น 10 ปีมา แล้วเหมือนอายอยู่ชั้นมหา’ลัยแต่โลกออนไลน์เหมือนอายอยู่อนุบาลเลย
แล้วเราก็ต้องลดความคิดเพราะโลกมันเปลี่ยนแพลตฟอร์มมันเปลี่ยน พฤติกรรมคนดูเปลี่ยน เราก็ต้องเอาตัวเองนี่แหละไปศึกษาสิ่งเหล่านั้น เพราะว่ามันไม่ใช่ทางที่เราถนัดหรือเรารู้เลย ต้องถอดชุดความคิดเดิมๆ ศึกษาเรียนรู้ว่าเขาคิดยังไง พฤติกรรมผู้บริโภคของแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นยังไง แม้กระทั่ง YouTube Facebook ยังต่างกันเลย ซึ่งเรามองภาพรวมอาจจะแยกไม่ออกว่าคืออะไร ก็เลยรู้สึกสนุกที่ได้เข้ามาอยู่ในอนุบาลนี้
กระบวนการวิธีการคิดทุกครั้งที่ออกกอง เราต้องมีงบ เพราะเรามีทีม น้องๆ ในทีมเราก็ต้องมีรายจ่าย ปกติเราทำงานตัวคนเดียวทำงานเบื้องหน้าทุกอย่างที่บรีฟมาอยู่ที่เราแล้วเราก็เพอร์ฟอร์แมนซ์ไปก็คือจบ แต่อันนี้เราต้องรู้ทุกอย่างเราจะเอาหรือไม่เอาอะไร การผลิตคุมงบยังไง รวมไปถึงพอได้ฟุตมาแล้วเราต้องเลือกแบบไหน ตั้งแต่ต้น เราก็เหมือนทำทุกกระบวนการ มันจะแตกต่างกับการเป็นนักแสดง”
การเป็น Content Creator ต้องขายกระแส ขายความเป็นส่วนตัว เราเป็นแนวไหน?“ของเราพยายามปั้นขึ้นมาเป็นรายการ ตอนแรกไม่อยากทำรายการออนไลน์เลย เพราะมีความคิดที่ว่า พอดารามันทำออนไลน์มันต้องขายชีวิตส่วนตัว อย่างเช่นเปิดกรุกระเป๋าของเราซึ่งมันไม่ใช่สไตล์เรา เราต้องชัดเจน ก็เลยต้องมานั่งคุยกับทีมว่าเราจะเป็นยังไงแล้วเราอยากเล่าอะไร นั่นคือสิ่งที่เป็นการบ้าน แล้วรายการ กอมอนอ จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีทีม ต่อให้มันเป็นทีมเล็กๆ เราก็รู้สึกว่าเจ๋ง เพราะทำคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่มีครีเอทีฟ ไม่มีโปรดิวเซอร์ รวมถึงน้องที่ตัดต่อให้
รู้สึกว่ามันต้องคุยกันเยอะ ประชุมกันเยอะๆ แล้วก็ต้องทำมันขึ้นมาเป็นรายการของเราแล้วก็สะท้อนมาในมุมของเราว่าเราเล่าเรื่องนี้ให้ไปในลีลาของเรายังไง เพราะรู้สึกว่าในโลกใบนี้มันไม่มีความเห็นอะไรที่เป็น Original เรื่องนี้ในสถานที่นี้มันอาจจะมีคนเล่าไปแล้วแต่ กอมอนอ จะเอามาเล่าแบบไหนที่เป็น กอมอนอ นั่นแหละที่เป็นการบ้านของเรา”
แต่เราก็ถือว่าได้ที่ปรึกษาค่อนข้างเก่ง คือ ว่านไฉ?“จะว่าแบบนั้นก็ได้ อย่างตอนแรกเราบอกว่าเราทำงานตรงนี้มาเราเข้าใจมองเห็นกระบวนการมาประมาณนึงหลายปี พอมาเป็นออนไลน์ปุ๊บเราไม่เข้าใจเลย แต่โชคดีที่พี่ว่านเขาเป็นเอ็กซ์คลูซีฟโปรดิวเซอร์ ให้เราได้ อย่างที่บอกว่าถ้าไม่มีทีมคงไม่ได้มาเป็นแบบนี้แน่ๆ พี่ว่านเขาจะเป็นคนที่แชร์สิ่งที่เขาผ่านมาตั้งแต่เขาล้มลุกคุกคลานตั้งแต่เขาเริ่มทำ อาสาพาไปหลง ใหม่ๆ
ปัญหาเกิดขึ้นคืออะไรรวมถึงวันนี้เขาประสบความสำเร็จในแบบของเขาแล้ว แต่อย่างที่บอกว่าช่วงแรกที่ กอมอนอ กำลังจะเกิดขึ้น ยอมรับนะว่าเราก็กดดันเพราะว่าเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว เราก็จะบอกว่าอย่าเอาความสำเร็จของคุณมาจัดมาวางแบบแผนให้เราได้ไหม เพราะว่าเราคือคนละคนกัน คือเรียกว่าต้องมีเวลาที่คุยกับทีมแล้วก็คุยกับพี่ว่านเยอะมาก คือมันกดดัน เพราะตอนแรก การที่จะสร้างอะไรขึ้นมาใหม่อย่างนึงสำหรับเรา รู้สึกว่ามันใช้พลังงานหนักมาก แต่ว่ามันก็ผ่านมาได้ดี
เราลุ้นกันมากแต่ละคอนเทนต์ที่ปล่อยออกไป แต่ทุกอย่างมันเกินคาดหมดเลย มันไม่ได้ดีแบบพุ่งนะ แต่สำหรับเรามันก็เป็นกราฟเหมือนกัน ทุกครั้งที่เราปล่อยคอนเทนต์ไปเราก็จะมานั่งวิเคราะห์ว่าตัวนี้ดีไม่ดียังไงเราพลาดอะไรตรงไหนไป ตัวต่อไปเราจะได้แก้ไขแล้วเราก็เข้าใจว่า การปล่อยคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้นว่าทุกอย่างมันก็คือตัวเลข ก่อนจะปล่อยไปเรากับทีมก็คือทำงานกันเยอะมากๆ เพื่อจะสร้างไดเร็กชั่นอะไรขึ้นมาสักอย่างให้มันเป็นรายการ”
แล้วสำหรับเราต้องขายความเป็นส่วนตัวไหม?“10 อีพีที่ผ่านมาของ กอมอนอ ไม่ขายความเป็นส่วนตัวเลย ขายโลเกชั่นที่จะเล่าเพียงแต่กับสิ่งที่คนดูออนไลน์จะได้เห็นเราก็คือ เขาก็จะเซอร์ไพรส์ว่า นี่ อาย กมลเนตร ที่เล่นละครเรื่องนั้นเหรอ เขาไม่เคยเห็นเราในมุมนี้มากกว่าที่มันคือตัวตนของเราจริงๆ เราไปบอกเล่าในเรื่องนี้ในแบบที่เป็นตัวตนของเราจริงๆ แบบที่เราไม่ใช่ตัวละครเป็น อาย กมลเนตร หลายคนคิดว่าอ๋อน้องเขามีโมเมนต์นี้เหมือนกันเหรอ
และที่ชอบมากก็คือแทบไม่ต้องแต่งเลย รู้สึกว่ามันเรียลดี สบายดี แล้วรู้สึกว่าคนที่ไปดูคอนเทนต์เรา เขาไม่ได้สนใจเลยนี่หว่าว่าเราจะแต่งหน้าหรือเปล่าหรือไม่สวย ก็เป็นอีกแบบนึงที่ดีนะสำหรับเราคือแฮปปี้และสนุกที่ได้เรียนรู้กับการทำงานอีกแบบนึงตรงนี้ค่ะ”
แพลนงานแต่งจัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว?“ยังไม่ได้สรุปแบบจริงจัง แต่ว่าอย่างที่บอกอยากได้แบบเล็กๆ ง่ายๆ ภายในปีนี้ จริงๆ ก็มีวันแหละแต่อยู่ใน process ของการเตรียมงาน ซึ่งงานก็ไม่ได้ใหญ่โตเป็นงานเล็กๆ อยากให้รอดูว่าเป็น ยังไง”
การที่มีโควิดเป็นคีย์หลักมีสำรองแผนสองแผนสามไว้ไหม?“สำหรับเราไม่ได้ไปใช้สถานที่ของคนอื่นไม่ได้ใช้โรงแรม เลยไม่กังวล สมมติว่าถ้ามาวันนั้นในสถานการณ์ตอนนั้นมีมาตรการมาว่าห้ามจัดงานเราก็แค่หยุดไว้ก่อน เราก็ไม่ได้เสียค่ามัดจำของโรงแรม แต่ถึงแม้จัดไม่ได้มันก็จะเป็นสเกลเล็กอยู่ดี เชิญคนน้อยอยู่ดี ซึ่งตั้งไว้ไม่เกิน 100 คนค่ะ สำหรับของชำร่วย ก็ยังไม่ได้เตรียมหา ลดพิธีอะไรหลายหลายอย่างมากๆ สำหรับชุดแต่งงานก็กำลังคุยๆ อยู่ อยากให้มันง่ายๆ ที่สุดเลยค่ะ ซึ่งคงเหลือพิธีสำคัญที่อยู่ในครอบครัว”
แล้วความรู้สึกที่จะเป็นเจ้าสาว?“ตอนแรกอ่ะเฉยๆ มาก แต่พอมานั่งคุยเรื่องชุดมันก็มีเรื่องตื่นเต้นเข้ามาเป็นวูบๆ เหมือนกัน แต่ด้วยตอนนี้พอละครออน มีโปรเจ็กต์ ก็ต้องมา promote มี กอมอนอ ที่ต้องทำ มันก็เลยเหมือนมีหลายอย่างที่จะต้องโฟกัส แล้วพอวันนี้ต้องมาคุยเรื่องงานแต่งพอคุยๆ อยู่สักพัก ก็อย่างที่บอกว่าตื่นเต้นเป็นระลอกๆ”
ได้ลองใช้ชีวิตด้วยกันก่อนแต่งไหม?“อันนี้เราว่ามันแล้วแต่ความคิดแต่ละคนว่าจะเป็นยังไงแล้วแต่ครอบครัวด้วย อย่างที่เคยพูดไปแล้วที่บ้านเป็นคนที่ไม่เคยได้ลองใช้ชีวิตกับแฟน เพราะเราอยู่บ้านอย่างเดียว แต่พอคบกับพี่ว่านด้วยความที่ตอนนั้นพี่ว่านป่วยเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทแล้วเราจะต้องช่วยเหลือ คอยดูแลในช่วงระหว่างหาหมอทั้งจะผ่าตัดทั้งรักษาทางเลือกทุกอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่ได้ดูแลกัน ไม่ใช่แค่เราสองคนแต่ว่ามันเป็นครอบครัวเราครอบครัวเขาด้วย ได้จอยกันก็เลยได้รู้ว่ามันเป็นยังไง
คือมันผ่านช่วงเวลายากลำบากด้วย ตอนนั้นมันเป็นการตัดสินใจแล้วว่าเราจะผ่าตัดไหมเพราะว่ามันเจ็บ มันอยากผ่าตัดแล้วคือคนอายุ 32 จะผ่าตัดมันก็คือความเสี่ยง คือ มันก็แล้วแต่ความเชื่อ แล้วก็เรารักษาด้วยวิธีทางเลือกมันต้องใช้ระยะเวลาความถี่ค่อนข้างสูงมากๆ ในการไปรักษาตรงนั้น ซึ่งเราได้เห็นความไม่แน่นอนของร่างกาย และหลายๆ อย่าง แล้วสถานการณ์โควิดด้วย เราก็ตกตะกอนจนได้มาเป็นวันนี้เหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนเราได้เรียนรู้กันในจุดนั้น”
กังวลถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะจากแฟนเป็นสามีภรรยาไหม?“คือตรงนี้เรามีการพูดคุยกันแล้ว อย่างบ้านที่เราสร้างไว้เป็นออฟฟิศเรามี space ให้กับทางครอบครัวทั้งเขาและเราด้วยที่จะมาจอยกันอยู่แล้ว อีกอย่างตรงบ้านที่เป็นออฟฟิศเป็นตรงกลางระหว่างบ้านของเรากับคุณแม่ของพี่ว่าน แล้วมันเดินทางง่ายสะดวก ตอนแรกคือจะทำเป็นสตูฯ แต่ทำไปทำมาแล้วรู้สึกเริ่มเสียดายไม่อยากจะให้เช่า แต่มันก็มีสเปซพ่อแม่สามารถมาอยู่มาจอยกันได้ ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องนี้เพราะว่า ณ วันนี้ที่อยู่ก็คือเราทั้งคู่ต่างทำงานดูแลครอบครัวอยู่ แล้วถ้าวันหนึ่งเราจะได้แต่งงานอยู่ด้วยกันไป ก็ยังก็ต้องเป็นแบบนี้ยังทำงานของเราดูแลครอบครัวของเรา พี่เขาก็ยังทำงานดูแลครอบครัวของเขาเพียงแต่ว่าเราช่วยกันดูแลไปได้แล้ว”
เรื่องสุขภาพว่าที่บ่าวสาวมีการไปเช็คเตรียมความพร้อมไหม?“ก็เรียบร้อยค่ะ ไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนพี่ว่านก็ต้องรักษาเรื่องหลังแล้วก็ดูเรื่องการใช้ชีวิต จะบู๊ จะลุยเหมือนเดิมก็ไม่ได้แล้ว นั่งเครื่องบินนานๆ แบกของหนักก็ไม่ได้”
หลังแต่งงานวางสเต็ปถึงการมีน้องเลยไหม?“ยังนะคะ คือน่าจะยังคงใช้ชีวิตด้วยกันก่อนอยากเดินทางต่างประเทศด้วยกันก่อน”
ได้มองเรื่องการฝากไข่ไว้ไหม?“จริงๆ สนใจนะคะ มันเป็นสิ่งที่ถ้ามีโอกาสได้ทำก็อยากทำ มันคือการป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ เพราะว่าวันนึงเราก็ไม่รู้ว่าเราอยากจะมีน้องตอนอายุเท่าไหร่ แล้วอายุเราตอนนี้มันก็เริ่มมากขึ้นแล้ว วันนั้นความสมบูรณ์ของไข่มันยังเหมือนเดิมไหม เราก็ตอบไม่ได้ สนใจอยู่ค่ะ ซึ่งเรื่องการยังไม่มีลูกก็คือคุยกันไว้แล้วกับพี่ว่าน”
สมัยนี้หลายคู่ไม่ค่อยอยากมีลูก เราคือหนึ่งในคนที่คิดแบบนี้ไหม?“ตอนนี้ก็ไม่ได้อยากจะมี ตอนนี้ยังรู้สึกอยากรับผิดชอบพ่อแม่ของเรา เรายังมีโปรเจ็กต์ที่ยังอยากทำอยู่ คืออย่างเพื่อนสนิทก็คือพี่จ๊ะ พี่เอิร์น คือพอมีน้องแฝดมา มันก็คือความดีใจแต่ว่าเราในฐานะน้า เราเห็นเลยว่าคือพ่อเอิร์น แม่จ๊ะ เปลี่ยนชีวิตเลย ต้องทุ่มเทเพื่อสองชีวิตที่เกิดมามากๆ เลย แล้วคือเด็กน่ารัก พ่อแม่ติด น้าติด
เราก็คือยังมีโปรเจ็กต์ที่จะทำนู่นทำนี่ คือการที่เรามีลูก เราต้องเสียสละชีวิตของเรามากๆ เพื่อให้กับลูกของเราที่เกิดมา ตอนนี้ทั้งอายและพี่ว่านมีความเห็นตรงกัน และเราทั้งคู่ก็เห็นด้วยกับการที่ถ้ามีโอกาสได้ฝากไข่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะไม่ทำถ้าเกิดทำได้”
ทางผู้ใหญ่ว่าไง หลายบ้านพอลูกแต่งงานก็อยากให้มีหลาน?“ไม่เลยค่ะ คือที่บ้านเลี้ยงหมาอยู่สองตัว คือเหมือนลูกมาก และรู้สึกว่าเรามีลูก พ่อเราต้องสปอยล์มากแน่ๆ เลย เพราะตอนนี้สปอยล์หมาสองตัวหนักมาก”
The post “อาย กมลเนตร” เล็งฝากไข่ หลังแต่ง “ว่านไฉ” ยังไม่คิดมีลูก appeared first on ข่าวสด.