ไปร่วมงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง ‘หลวงพี่ดีเนาะ’ แล้ว ‘ทิดสมปอง’ หรือ สมปอง นครไธสง ก็ให้สัมภาษณ์ว่า แม้จะเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกว่าวงการบันเทิงน่ารัก อย่างไรก็ตามยอมรับว่ามีส่วนที่ลำบากอยู่บ้าง ก็อย่างเช่นเรื่องการแต่งตัว
“ลำบากเรื่องพื้นฐาน” เขาว่า
“ผมใส่เสื้อสูทอะไรก็ไม่เป็น เป็นคนบ้านนอกครับ มาอยู่กรุงเทพเข้านั่นเข้านี่ต้องเป็นรองเท้าผ้าใบ ผมชอบใส่รองเท้าแตะ แต่มันเป็นความลำบากเรื่องเล็กๆ”
ส่วนเมื่อถามถึงกระแสด้านลบต่างๆที่มีมาถึง เขาก็ว่า “หลวงพ่อพุทธทาสบอกไว้ ถือสาก็บ้าตาย ส่วนน้องผม (ทิดไพรวัลย์) กล่าวไว้ อย่าด้อยค่าคนที่ว่าเรา แต่ก็อย่าให้คุณค่ากับคำพูดของเขาเหล่านั้น”
“ผมว่าอาจจะมีอาชีพรับจ้างด่า บางคนอาจจะรับจ้าง ด่าเสร็จก็ไปรับ 300 เอาไปเลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย มันเป็นหน้าที่เขาแหละ หรือคนที่ไม่ชอบเรา ด่าซะหน่อย ผมว่ามันเป็นสิทธิพื้นฐานที่เขาจะว่า ที่จะอะไร”
“ผมว่าคนที่ไม่ชอบเราด่า ปกติ แต่คนรักเราเริ่มด่าเรา ผมว่าไม่ปกติ”
“มีสรรเสริญ แล้วก็มีนินทา มันโดนอยู่แล้ว คุณต้นหอม ศกุนตลา บอกยังอีกเยอะ ยังมีอีกเยอะที่รออยู่ หมายถึงว่าที่เราเจอนิดๆหน่อยๆ อย่าเพิ่งไปท้อแท้ เพราะฉะนั้นผมว่าธรรมดามากๆ รับมือได้ครับ”
ในส่วนคำติ คำว่า เหล่านั้น เจ้าตัวบอก “อันไหนที่เป็นประโยชน์ก็รับมาปรับปรุง เช่น เรื่องคำพูดหยาบคาย มีเด็กฟังเยอะ ส่วนมากที่ด่าไม่ต้องเป็นโซเชียลครับ พี่สาวผม พี่หนุ่ม กรรชัย พี่ชายผม คนที่รักผม ทีมงานผมนี่แหละ ว่าอันนี้ไม่ได้ ว่าห้ามแตะตัวผู้หญิง ผมไม่คิดอะไรกับผู้หญิงที่ผมกล้าแตะ หรือหลาน เด็กๆที่มาแสดง ผมไม่ได้คิดเรื่องเซ็กส์ ผมน้อยใจเวลาเขาเขียนว่าอย่าจับมือผู้หญิง เฮ้ย! ฝรั่งจับมือกันต้องได้กันเหรอ ผมไม่ได้คิดอะไรกับใครเลยนะ ถ้าผมจับคือผมต้องอยากมีอะไรกับเขาเหรอ ผมก็งง แต่โอเค ผมไม่จับก็ได้ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พวกคุณคิดเหรอ ผมรู้สึกว่าไม่ได้คิดไง ถึงได้กล้าทำ”
“คือถ้าผมคิดอะไรกับใครผมจะไม่กล้าใกล้ จะเขิน จะอาย ไม่กล้ามองด้วยซ้ำ แต่ถ้าสังคมคิดว่ามันเป็นการละลาบละล้วง แล้วบวชมา คนยังยึดติดไงฮะ ผมว่าก็คงประมาณ 3 เดือน คนถึงจะลืม เพราะผมก็ยังเผลอเจริญพร โยม เขาก็หลงพระอาจารย์อยู่ แต่ก็เข้าใจครับ ฉะนั้นอันไหนไม่ดีก็ปรับปรุงแก้ไข”
เรื่องคอมเมนต์แรงๆที่เจอ เขาก็ว่ายังไม่คิดจะฟ้องใคร คือถ้าไกล่เกลี่ยได้ ก็ไกล่เกลี่ย ปล่อยผ่านได้ ปล่อยผ่าน
“อาจจะเป็นใครก็ได้ที่พิมพ์มาด่า ซึ่งเราไม่ควรเสียเวลาเอาหินขว้างหมาที่เห่าระหว่างทาง เราก็ไม่ถึงเป้าหมาย คนที่ว่าเราอาจจะไม่ใช่น้องหมา อาจจะเป็นเสือ เป็นสิงโตก็ได้ ที่อยากจะขู่เราหน่อย อย่างที่บอกครับอันไหนที่มันจริง มันไม่ดีก็ปรับปรุงแก้ไข อันไหนไม่จริงก็แค่ปล่อยผ่าน”
เล่าด้วยว่าตอนแรกที่สึก คิดไว้ว่าจะอยู่เงียบๆ ปิดโซเชียล ทิ้งโทรศัพท์ คิดว่าโดนด่าแน่ๆ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีงาน
“แต่พอออกมา นักข่าวไปทำข่าวตั้งแต่วันสึก ผมทำอะไรก็เป็นประเด็น”
“เมื่อวานก็ติวน้องไพรวัลย์ไป ว่าเราอยู่ในโลกของโซเชียล โลกบันเทิง ใช่ เรามีความเป็นตัวเอง แต่ว่าเราก็มาได้เพราะโซเชียลนะ ฉะนั้นผมอยากให้ความสำคัญกับคำเตือน อะไรที่มันมากไป อะไรไป แต่ว่าเราเข้าใจน้องเรา ว่าสไตล์น้องเราเป็นยังไง”
“ผมไม่ชอบเห็นความล้มเหลวของคน ผมจะไม่ดีใจหรือสะใจที่น้องผมโดนด่าหรือผมโดนด่า หรือคนนี้ด้อยค่า คนนี้ตกงาน ไม่มีงาน ผมว่าวงการบันเทิงเรา เราปล่อยให้หลายคนไม่มีงานจนเป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีข้าวกิน ลำบาก ผมไปเจอศิลปินแห่งชาติ นักร้อง แต่งเพลง 6,000 กว่าเพลง ลูกศิษย์เต็มประเทศ ทำมาหากินด้วยเพลงท่าน เอ่ยเพลงไหนมาก็รู้จัก แต่ท่านอยู่หลังเล็กๆ มีน้องหมา 2 ตัว มีคนดูแล 1 คน มีผู้จัดการ 1 คน ลำบากมากครับ ผมคิดว่าถ้าหนังนี้ประสบความสำเร็จ หรือธุรกิจประสบความสำเร็จ ผมจะซื้อบ้านให้ท่าน 3 ถึง 5 ล้าน ทำวิวให้ท่านแต่งเพลง ให้ถึง 10,000 เพลง เรียกว่า 4,000 เพลงสุดท้ายของชีวิตท่าน แต่งให้ค่ายผมสมปองมิวสิคคนเดียวเลย เพราะผมมีนักร้อง 100-200 คนที่จะออกเพลง”
“ผมอยากรวยเพื่อช่วยคน”
นอกเหนือจากงานในวงการ สมปองบอกว่าที่คิดๆไว้คืออีก 5 ปี “ถ้าลูกเพจอนุญาติให้เล่นการเมือง” เขาก็จะลงสนาม
“แล้วถ้าผมเข้าไป ผมไปเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศเลย”
“เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทุกคนต้องมีอยู่มีกิน ผมจะหาเสียงด้วยการช่วยคน ด้วยการทำดี ด้วยการเสียสละ”
“ผมอยากให้นักการเมืองหาเสียงทุกวัน ช่วยคนในพื้นที่คุณนั่นแหละ ช่วยเลย ช่วยทุกวัน หาเสียงทุกวัน ถึงวันเลือกตั้งวันหน้า คุณไม่ต้องหาเสียงอีก เพราะคุณหาเสียงมาตลอดอยู่แล้ว”
“หาเสียงด้วยการช่วยคน ให้เขามีชีวิตที่ดี มีอยู่มีกิน อย่าไปบีบให้เขาจน ให้เขาลำบาก ไปแจกเงินเขา มันห่วย มันไร้รสนิยม การบีบให้คนจน แล้วค่อยเอาเงินไปแจก ผมว่ามันบ้านนอกมาก”
“ทำให้คนรวย ไปร้านอาหาร ไปห้าง ไปซื้อของ ไปดูหนัง ไปใช้เงินเพราะว่าเงินเยอะ ทำให้คนไทยเป็นแบบนั้น”
“อย่ามาบีบให้เราลำบาก แล้วค่อยแจกเงินเรา ค่อยเห็นเราเป็นขอทาน สมเพชเวทนาเรา ลงทะเบียนกันทั้งวันทั้งคืน ผมชื่นชมนะ แต่ว่าผมทำได้ดีกว่านั้น ผมมั่นใจ”
อย่างไรก็ดี แม้จะมีความตั้งใจดังว่า แต่สมปองบอก ต้อง “แล้วแต่ลูกเพจด้วยครับ”
“ยังไม่ให้ลงผมก็ไม่ลง ไม่รู้สิ ผมแคร์ลูกเพจผม”
ในเรื่องของเพศตรงข้าม สมปองบอกตรงๆว่า ถ้าหากวันหนึ่งจะมี…
“ผมไม่กล้าจีบใครหรอกครับ คนที่ผมจะได้เป็นแฟนหรือภรรยาคงต้องส่งสัญญาฯว่าชอบผม แล้วคุยกัน น่ารัก ผมชอบความน่ารักครับผมว่าสวยมาก ก็ไม่กล้าจีบ ดีมาก ก็ไม่กล้า เลอเลิศ ก็ไม่กล้า คนชอบพูดให้ผมคบดารา ตลกมาก ดูหนังหน้าผมด้วย”
“เรื่องผู้หญิง ถึงจุดหนึ่งต้องมีครับ แต่ 2 ปีนี้มีไม่ได้ ด้วยผู้จัดการ ด้วยลูกเพจ ไม่อยากให้มี อยากให้ทำงานเต็มที่ แล้วดวงผม 2565 ทำงานเต็มที่ จะของกิน ของใช้ หนัง เพลง ทำเต็มที่เลย ซินแสบอก 2566 ,2567 ผมต้องเฟดออกมาเป็นผู้บริหาร ถ้าหนังก็ปั้นคนอื่น ให้คนอื่นเด่น ตัวเองชัพพอร์ต ก็คงแบบนั้น เพราะผมก็ 43 พอ 44 , 45 , 46 ก็เฟดแล้วครับ ให้เด็กๆ หล่อๆ สวยๆแสดง ผมก็เป็นผู้สร้าง”
“ฉะนั้นผมอยากให้แม่ได้กอดหลานที่เป็นลูกผม ยังไง 2-3 ปี น่าจะได้เห็น สมปองน้อย สมปองจูเนียร์”
The post ทิดสมปอง น้อมรับคำติ ไม่คิดฟ้องใครหลังเจอกระแสด้านลบ อีก 5 ปี มีแพลนลงสนามการเมือง appeared first on มติชนออนไลน์.