ภาพจาก : health.kapook.com
โรคอ้วนนั้นใช่ว่าเกิดขึ้นแล้วจะแก้ไขยาก หากเรารู้จักปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน รู้จักเลือกรับประทานอาหาร เลือกทานเฉพาะอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันต่ำ และออกกำลังกายให้พอเหมาะ เพียงแค่นี้โรคอ้วนก็ไม่สามารถจะอยู่กับเราได้นานแล้วล่ะค่ะ
- วัยรุ่นหญิง-ชาย อายุ 14-25 ปี ควรรับปริมาณวันละ 2,000 กิโลแคลอรี
- วัยทำงานอายุ 25-60 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรรับปริมาณวันละ 1,600 กิโลแคลอรี
- หญิง-ชายที่ใช้พลังงานมาก เช่น นักกีฬา เกษตรกร ควรรับปริมาณวันละ 2,400 กิโลแคลอรี
ควรรู้จักเลือกอาหารต่างๆ ในแต่ละวันตามนี้
- ข้าว 1 จานนั้นให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี (ประมาณ 2 ทัพพีครึ่ง) ถ้าลดข้าวมื้อละ 1 ทัพพีใน 1 วัน สามารถลดพลังงานได้ถึง 300 กิโลแคลอรี
- ผลไม้ ควรเลือกที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ส้ม ชมพู่ ฝรั่ง แคตาลูป มะละกอ แตงโม สาลี่ แอปเปิล ดีกว่าผลไม้ที่หวานจัดให้พลังงานสูง เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ มะขามหวาน
- ผัก ควรเลือกกินให้มากๆ เพราะให้พลังงานน้อย แต่ได้คุณค่าสารอาหารมาก มีเส้นใยอาหารมาก ผักบางชนิดทำให้อิ่มนาน แต่พลังงานนิดเดียวเหมาะมากสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก
ภาพจาก : bangkokbanksme.com
- เนื้อสัตว์ เลือกกินปลา ไข่ขาว กุ้ง ปู เนื้อไก่ ดีกว่าเลือกกินไข่เจียว ไก่ทอด หมูกรอบ เครื่องในสัตว์
- กะทิ/น้ำมัน น้ำมัน 1 ช้อนชา ให้พลังงานสูงถึง 45 กิโลแคลอรี ถ้าประกอบอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ ตุ๋น ยำ จะช่วยลดพลังงานจากการใช้น้ำมันปรุงได้มากทีเดียว อาหารทอดใช้น้ำมันอย่างน้อย 2 ช้อนโต๊ะ นั่นเกือบ 300 กิโลแคลอรี กะทิ 1 ถ้วยแกง จะมีหัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ พลังงานเท่ากับไขมัน 2 ช้อนชา ถ้าเลือกกินแกงส้ม ต้มยำ แทนแกงกะทิ ก็ลดพลังงานได้กว่า 100 กิโลแคลอรี
- เครื่องดื่ม น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่เรียกน้ำหนักได้มากทีเดียว เพราะ 1 กระป๋องให้พลังงานถึง 240 กิโลแคลอรี
- อาหารว่าง ไม่ควรกินบ่อย เพราะส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล ไขมัน เนย เช่น คุ้กกี้ ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอด โรตี ทองหยอด ขนมขบเคี้ยว จะได้พลังงานไม่น้อยกว่า 200 กิโลแคลอรี ถ้างดไม่ได้ให้เลือกผลไม้ชนิดที่ไม่หวานแทน จะได้พลังงานต่ำลง เพิ่มวิตามินและเกลือแร่ด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว หันมาเลือกอาหารที่มีประโยชน์ วันละนิด ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมทีละน้อย ทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ จะไม่ถามหา โรคอ้วนลงพุง ก็ไม่มีทางมาคุกคาม
ขอขอบคุณ HealthToday