แกแล สรรพคุณและประโยชน์

ต้นแกแล มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในประเทศอินเดีย ศรีลังกา ญี่ปุ่น จีน ภูมิภาคอินโดจีน และในภูมิภาคมาเลเซีย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาค โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก บ้างว่าเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มียางสีขาวถึงเหลืองอ่อน มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร มีหนามแข็งแหลม ยาวประมาณ 1-5 เซนติเมตร

แกแล สรรพคุณและประโยชน์

แกแล ชื่อสามัญ Cockspur thorn

แกแล ชื่อวิทยาศาสตร์ Maclura cochinchinensis (Lour.) Corner (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Cudrania javanensis Trécul) จัดอยู่ในวงศ์ขนุน (MORACEAE)

สมุนไพรแกแล มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แกก้อง (แพร่), ช้างงาต้อก (ลำปาก), เข (นครศรีธรรมราช), หนามเข (ประจวบคีรีขันธ์), น้ำเคี่ยวโซ่ (ปัตตานี), สักขี เหลือง (ภาคกลาง), แกล แหร (ภาคใต้), กะเลอะเซอะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) เป็นต้น

ลักษณะของต้นแกแล

ต้นแกแล มีเขตการกระจายพันธุ์อยู่ในประเทศอินเดีย ศรีลังกา ญี่ปุ่น จีน ภูมิภาคอินโดจีน และในภูมิภาคมาเลเซีย ในประเทศไทยสามารถพบได้ทั่วทุกภาค โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก บ้างว่าเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยหรือเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง มียางสีขาวถึงเหลืองอ่อน มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร มีหนามแข็งแหลม ยาวประมาณ 1-5 เซนติเมตร (ปลายแหลมตรงหรือโค้งเล็กน้อย) อยู่ตามต้น กิ่ง และตามง่ามใบ ส่วนเนื้อไม้มีลักษณะแข็ง มักขึ้นตามป่าละเมา ตามป่าเบญจพรรณ และป่าดิบ ในพื้นที่ระดับต่ำไปจนถึงพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่ง การปักชำ และการเพาะเมล็ด สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัดและชุ่มน้ำ

ใบแกแล ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับกัน ใบมีลักษณะเป็นรูปรี ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 1-5 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-11 เซนติเมตร มีหนามแหลมออกตรงซอกใบ 1 อัน ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร ผิวใบด้านบนเรียบเป็นสีเขียวเป็นมัน มีเส้นแขนงใบอยู่ข้างละประมาณ 6-9 เส้น ส่วนก้านใบยาวประมาณ 0.3-1-5 เซนติเมตร และยังมีหูใบขนาดเล็กมากร่วงได้ง่าย

ดอกแกแล ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่กันคนละต้น ดอกเพศผู้จะออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ ดอกมีขนาดเล็กสีขาวนวล กลีบดอกมี 4 กลีบ ลักษณะของกลีบเป็นรูปไข่กลีบ และมีใบประดับขนาดเล็กมากเป็นรูปช้อนที่โคนดอก ด้านนอกกลีบดอกมีขนสั้น ดอกมีเกสรเพศผู้ 4 ก้าน ขนาดเล็กมาก ช่อดอกเพศผู้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.7-1 เซนติเมตร ส่วนดอกเพศเมียจะออกดอกเป็นช่อกระจุกแน่น โดยออกตามง่ามใบเป็นคู่ ๆ หรืออยู่เดี่ยว ๆ มีกลีบดอกรวม 4 กลีบ โคนกลีบติดกัน ปลายแยก ช่อดอกเพศเมียมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร ส่วนรังไข่จะอยู่ในฐานรองดอก ก้านเกสรเพศเมียจะเรียวและยาวกว่ากลีบรวมเล็กน้อย ส่วนก้านช่อดอกจะมีความยาวประมาณ 0.3-1 เซนติเมตร

ผลแกแล ผลเป็นผลรวม ผลมีลักษณะกลม ผิวผลขรุขระ ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร มียางสีขาว ภายในผลมีเมล็ดขนาดเล็ก

ภาพจาก : blogspot.com

สรรพคุณและประโยชน์ของแกแล

  1. แก่นมีรสปร่า ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (แก่น)
  2. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (แก่น)
  3. ต้นและแก่นใช้เป็นยาบำรุงโลหิตในร่างกาย (แก่น, ต้น)
  4. ดอกใช้เป็นยาแก้โลหิตและวาโยกำเริบ (ดอก)
  5. แก่นใช้เป็นยาแก้ไข้รากสาด รักษาไข้รากสาดหลบเข้าลำไส้ (แก่น)
  6. ช่วยแก้ไข้พิษ (แก่น)
  7. ใช้เป็นยาภายนอกเพื่อลดไข้ (แก่น)
  8. ช่วยขับเสมหะ (แก่น, ดอก)
  9. ช่วยกล่อมเสมหะโลหิต (แก่น)
  10. ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (แก่น)
  11. ช่วยแก้อาการท้องร่วง (แก่น)
  12. ใช้แก้มุตกิดระดูขาวของสตรี (แก่น)
  13. ใช้เป็นยาสำหรับสตรีที่คลอดบุตร (แก่น)
  14. ช่วยบำรุงน้ำเหลืองให้เป็นปกติ (แก่น)
  15. ช่วยแก้กาฬสิงคลี (แก่น)

ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี , thaihealth (สสส.) , หมอชาวบ้าน
ภาพจาก : treeofthai